วันที่ 3 ม.ค. 68 จากประเด็นร้อนแรงรับต้นปี เมื่อปรากฏมีคลิบบนโซเชียล เฟซบุ๊กเพจ อ.เบียร์ ฅนตื่นธรรม ได้ปรากฏข้อความ "พระที่มรณภาพ ไม่เน่าไม่เปื่อย เพราะศักดิ์สิทธิ์?" โดยมีภาพ และเสียง อ.เบียร์ได้อ่านข้อความจากคำถามบนหน้าเพจ
ซึ่งได้ตอบคำถามว่า "ศักดิ์สิทธิ์ห่าอะไรล่ะ หมาก็มีนะที่ไม่เน่าเปื่อย อันนี้กูไม่ได้ดูถูกครูบาอาจารย์นะ ครูบาอาจารย์ที่มีดีเยอะแยะ ไม่เกี่ยว อันนี้กูพูดถึงความเห็นต่าง ร่างกายไม่เน่าเปื่อยศักดิ์สิทธิ์เนี่ยศักดิ์สิทธิ์ มึงไปดูสิต่างประเทศเนี่ย ที่ไม่เน่าไม่เปื่อยเนี่ย หมาแมวที่ตายแล้ว มันไม่เน่าน่ะ ไปหาดูสิเอ้อ มันจะไปเกี่ยวห่าอะไรกับศักดิ์สิทธิ์ มึงไปปรุงแต่งกันเอาเอง มีประเทศเดียวนี่แหละ ที่มากราบศพ มากราบร่างกายที่ไม่เน่าไม่เปื่อย ไปสนใจอยู่แต่กับของทิ้งแล้วของครูบาอาจารย์ท่านทิ้งแล้ว พวกมึงเอามากราบไหว้กัน เป็นของทิ้งนั่นน่ะใช่หรือเปล่าเอ้อ" จากนั้นคลิปก็ได้ตัดจบลงไป
ซึ่งจากกระแสดังกล่าวได้มียอดคนกดไลก์อยู่ที่เกือบ 3.8 k และมียอดคอมเมนต์อยู่ประมาณ 1,000 ข้อความ ส่วนใหญ่ได้มีการท้วงติง และสอบถามไปว่า อ.เบียร์ใช้คำรุนแรงเกินไปหรือไม่ และการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมกับครูบาอาจารย์ผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกศิษย์ลูกหายังให้ความเคารพนับถือกันมา
โดยพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม กล่าวว่า เห็นคลิปตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งลูกศิษย์ได้ส่งมาให้ดู และเมื่อเห็นแล้วก็เกิดความไม่สบายใจ และรู้สึกว่า อ.เบียร์ใช้คำพูดที่รุนแรงเกินไป เป็นการจาบจ้วงไม่ให้เกียรติครูบาอาจารย์ และยังทำให้ลูกศิษย์หลายคนเกิดความโมโหแสดงความไม่พอใจ
แต่ก็ได้ให้แนวทางว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของกรรม ใครทำสิ่งใดก็ได้แบบนั้น และได้เตือนสติลูกศิษย์ลูกหาว่าควรใช้สติ อย่าใช้อารมณ์ ส่วนกรณีนี้จะเข้าข้อกฎหมายหรือไม่ ขอให้เป็นความเห็นของทางทนายอนันตชัย ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ที่ควรออกมาตรวจสอบเรื่องนี้ รวมถึงต้องสอบถามความเห็นไปยังนายกสมาคมไวยกรแห่งประเทศไทยว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นเหมาะสมหรือไม่
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า การที่ อ.เบียร์ออกมาให้ความเห็นแบบนั้น ถือว่าไม่สมควรเพราะพระเถราจารที่ท่านละสังขาร และมีสรีระที่ไม่เน่าเปื่อย โดยลูกศิษย์ลูกหาได้เก็บไว้นั้นเป็นเพราะประสงค์ของท่าน เช่น หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ท่านก็ได้แจ้งเอาไว้กับอาตมาตั้งแต่บวชพรรษาแรกว่าท่านจะละสังขารในวันวิสาขบูชา หรือแม้แต่สรีระสังขารของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม พระเกจิสายนี้ก็เป็นสายเดียวกัน และสรีระสังขารของท่านก็คงกระพันเหมือนกัน หรือแม้แต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านก็มีสรีระที่ไม่เน่าเปื่อย ลูกศิษย์ลูกหาก็ยังคงเก็บไว้เป็นศรัทธาให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
แต่การที่เอาสรีระสังขารของท่านไปเปรียบกับหมา เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ถ้าจะให้อาตมาพูดแรงๆ หยาบคายกว่า อ.เบียร์ก็พูดได้ แต่อาตมาได้ปลงไปแล้ว ตอนนี้ได้ดับความทุกข์ร้อนในใจ โดยใช้ธรรมะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ การเก็บสรีระสังขารของท่านเหล่านั้นก็เป็นมติโดยรวมของลูกศิษย์ลูกหาของท่าน เพื่อที่จะเก็บเอาไว้ให้เป็นเครื่องบูชาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ในการประกอบคุณงามความดีตามรอยของท่านต่อไป
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อว่า การที่เราจะสอนหลักธรรมให้กับญาติโยม เราจะมาคิดว่าเราทำถูกอยู่คนเดียวไม่ได้ ซึ่งลูกศิษย์ที่ส่งมาให้อาตมาได้ดู ก็มีความโกรธแค้น ไม่สบายใจ เพราะเอาครูบาอาจารย์ของเขาไปเปรียบกับหมา เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ การที่เขาออกมาพูดแบบนั้น มาลบหลู่เดี๋ยวปัญหาก็จะเกิดกับตัวเขาเอ งหากจะย้อนกลับไปก็มีพระเกจิอาจารย์พระเถราจารหลายท่านที่สรีระของท่านได้ย่อยเปลี่ยนสภาพไปตามกาลเวลา ซึ่งถ้าไม่มีเหตุลูกศิษย์ลูกหาก็จะจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพไปตามกระบวนการ แต่หลายหลายท่านจะทราบว่า ท่านมีวาระจิตที่จะบอกลูกศิษย์ลูกค้าของท่าน ซึ่งท่านจะเป็นผู้รู้ด้วยตัวท่านเอง เปรียบเหมือนเป็นการทำพินัยกรรมเอาไว้ เช่นที่วัดไผ่ล้อม คณะสงฆ์ก็ได้มีการสวดบทธรรมจักรกับวัฒนสูตรที่หน้าสรีระสังขารของท่านตั้งแต่ตี 5 ทุกวัน และทำอย่างนี้มาตลอด 20 ปี นี่ก็คือความศรัทธาที่เรามีต่อครูบาอาจารย์ของเรา
กรณีนี้ อ.เบียร์ต้องรู้สึกว่าคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครขาวไปทั้งหมด เราจะมีสีอื่นบ้าง สีเทา สีดำ สีส้ม หรือสีอะไร เราก็ต้องพิจารณาตัวเองว่าเราอยู่ในสถานะใด แต่ อ.เบียร์มาให้แนวคิดแบบนี้ ลูกศิษย์ของอาตมาเมื่อได้ทราบแล้วก็ควันออกหูกันทุกคน อาตมาก็ได้บอกเพียงแต่ว่าเรื่องนี้เป็นกรรมของใครที่ทำเอาไว้ก็จะได้รับแบบนั้นเพราะสรีระสังขารของท่านก็อยู่ดีดีของท่าน แต่มีคนเอาไฟมาสุมมาสาดใส่เราก็แค่หยุดคิดหยุดแค้น และก็จองเวรกรรมกันต่อไป อาตมาก็สอนได้แค่นี้อาตมามีสติปัญญาแค่ให้ลูกศิษย์ลูกหาญาติโยมได้ปฏิบัติดี ก็ยึดไว้แค่ 4 อย่าง คือขยัน ซื่อ อดทน และรู้บุญคุณคน ก็สอนมาอย่างนี้ นี่คือสิ่งที่อาจจะมาบอกได้ แต่การที่อ.เบียร์มาจับจ้วงครูบาก็ถือว่าแรงมาก หลายคนยากจะทำใจรับได้
"สำหรับกรณีมีโยมมาสอบถามอาตมาว่า คนที่เป็นหนี้สินพะรุงพะรัง และต้องโทษทางคดีอาญามาแล้ว เช่นถูกศาลมีคำสั่งให้ล้มละลายจะเข้ามาบวชได้หรือไม่ ในฐานะที่เป็นประธานพระวิญญาณธิการภาค 14 ตอบได้ว่าคนที่มีคดีค้างคาอยู่ยังไม่สามารถจะมาบวชได้จนกว่าจะพ้นโทษ และรับโทษจากคดีนั้นให้เสร็จสิ้น ซึ่งประเด็นที่ถามมาอาตมาไม่ทราบว่าถามถึงใคร แต่เรื่องนี้อาตมาจะขอพูดเพียงส่วนของพุทธศาสนา และความศรัทธาในพระเถระจารย์ส่วนข้อกฎหมายเรื่องเกี่ยวกับเงินทองหนี้สิน ขอให้ไปถามที่โยมทนายอนันตชัย ซึ่งจะทราบข้อกฎหมาย เรื่องนี้อาตมาคงไม่ไปยุ่งด้วย"
Advertisement