เวลา 10.30 น. วันที่ 27 พ.ย.67 ที่ ริมถนนพหลโยธิน หน้าตลาดนัดรถไฟ แดนเนรมิตเก่า ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ และ สิตางศุ์ บัวทอง นักแสดง พา ตาล รัชฎา นาคเจริญศรี ซึ่งเป็นนักกีฬาทีมชาตินักแข่งซุปเปอร์ไบค์สาวไทย รุ่น 1,000 ซีซี ผู้เสียหายร้องขอความเป็นธรรมกองปราบฯ
ตาล รัชฎา เปิดเผยว่า ได้ถูกผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือในสมาคมกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย และผู้ใหญ่จากการกีฬาแห่งประเทศไทยเสนองานโปรเจกใหญ่ ให้เป็นผู้ดูแลโครงการ "Little Wann be Wow Rider" ให้สำรองเงินของนักกีฬาทีมชาติ สูญเงินไป 6.5 ล้านบาท เงินจำนวนดังกล่าวได้คืนมาเพียง 3 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวนเกือบ 4 ล้านบาทไม่ได้คืน ซึ่งเป็นเงินเก็บส่วนตัวของตนมาตลอดชีวิต
โดยทางผู้ใหญ่กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้นำสมาคมกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทยและออแกไนซ์ เข้ามาโดยที่ไม่ได้ช่วยงานอะไรเลย ทำให้ตนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก โดยทางผู้ใหญ่ได้แจ้งให้ตนสำรองจ่ายเงินไปก่อน อ้างว่าจะเบิกจ่ายให้ในโครงการ "Little Wann be Wow Rider" ปี 2 ต่อไป ซึ่งตนได้ทำการสำรองจ่ายเงินให้กับผู้ชนะเลิศและสำรองจ่ายค่านำพาเด็กที่เข้าสมัครโครงการพร้อมผู้ติดตามไปดูงานที่สนามแข่งระดับโลกและสำรองจ่ายค่าผู้สมัครและผู้ติดตามอีกหลายร้อยคน และผู้ที่เข้ารอบ 2 คนสุดท้ายจะได้เข้าร่วมการแข่งชันชิงแชมป์ประเทศไทยในสนามระดับโลกปี 2024 และอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับเงินจำนวนเกือบ 4 ล้านบาท แต่ผู้ใหญ่ที่เคารพกลับเพิกเฉยไม่คืนเงินให้ตน พอทวงถามกลับท้าท้ายบอกให้ตนไปฟ้องร้องเอาเอง
นอกจากนี้ผู้ใหญ่ที่เคารพยังได้มีการเรียกร้องขอพวกเครื่องประดับ และสิ่งของต่างๆ เช่น นาฬิกาสุดหรู เรือนละ เกือบ 1 แสนบาท รวมเป็น 4 เรือน และยังมีทรัพย์สินอื่นอีก เช่น หมวกกันน็อค 2 ใบ ราคากว่า 4 หมื่น บาท, ผลิตภัณฑ์ของ BMW เครื่องประดับ และเครื่องสำอางที่มีราคาแพง และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่า เกือบ 5 แสนบาท โดยที่ผู้ใหญ่เหล่านั้นบอกว่า หากไม่ให้สิ่งของตามที่เขาร้องขอจะกลั่นแกล้งตนทุกวิถีทาง อีกทั้งได้มีการข่มขู่หลายประการ มีการอ้างว่าเป็นคนสนิทและรู้จักบิ๊กพรรคการเมืองใหญ่ ที่กำลังเป็นข่าวใหญ่เวลานี้ด้วย เพื่อไม่ให้ตนทำโปรเจก "Little Wann be Wow Rider" ต่อไป ซึ่งการกระทำของผู้ใหญ่ในวงการกีฬาเหล่านี้ สร้างความเสียหายให้ตนทั้งในทางทรัพย์สินและชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จึงปรึกษาแม่สิตางศุ์ ได้แนะนำให้มาพบทนายเกรียงศักดื์ พามาร้องขอความเป็นธรรมจากตำรวจกองปราบปรามในวันนี้
ด้านแม่สิตางศุ์ กล่าวว่า ตนเคยประสบปัญหาบุคคลที่เข้ามาหาประโยชน์ในวงการต่างๆมาเยอะ เห็นแล้วไม่สบายใจ ในวงการกีฬาไม่ควรจะมี ระบบแบบนี้ควรจะหมดไปจากประเทศไทยได้แล้ว ต้องเรียกร้องขอให้องค์กรตรวจสอบในเรื่องนี้ให้โปร่งใสคืนเงินส่วนที่เหลือให้กับเด็กไป น้องเขาอุทิศตนเพื่อประเทศชาติสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติแต่กับลูกผู้ใหญ่ในวงการกีฬาใช้วิชามารหลอกล่อให้สำรองจ่ายไปก่อนแล้วจะจ่ายคืนทีหลัง แต่ก็ได้คืนมาไม่ครบ แบบนี้ไม่สมควรที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ ก่อนจะพามาขอความช่วยเหลือจากทนายเกรียงศักดิ์ น้องเขาได้ไปพบกับทนายอีกสองคนมีชื่อเสียงโด่งดัง เรียกค่าใช้จ่ายรายละ 300,000 บาท เมื่อตนพามาพบทนายเกรียงศักดิ์ ก็ช่วยเหลือน้องเขาอย่างเต็มที่ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
โดยภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. ได้รับแจ้งความสอบปากคำผู้เสียหายและดำเนินการตามขั้นตอนตามกฏหมายต่อไป
Advertisement