Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
13 มีนาคม วันช้างไทย เปิดสถานการณ์ช้างป่า กับความท้าทายที่ต้องเผชิญ

13 มีนาคม วันช้างไทย เปิดสถานการณ์ช้างป่า กับความท้าทายที่ต้องเผชิญ

13 มี.ค. 68
10:34 น.
|
46
แชร์

สรุปสถานการณ์ช้างป่าไทย เนื่องใน วันช้างไทย 13 มีนาคม กับความท้าทายที่ต้องเผชิญ เมื่อช้างป่าไม่ได้ขาดแคลน แต่กำลังล้นป่าจนส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและชุมชน

ความเป็นมาของ วันช้างไทย 13 มีนาคม

วันที่ 13 มีนาคมของทุกปีตรงกับวันช้างไทย เริ่มต้นจากคณะอนุกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ช้าง จึงเสนอมติต่อที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ต่อมาคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ วันที่ 13 มีนาคมของทุกปี เป็นวันช้างไทย และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2541

สถานการณ์ช้างป่าไทยในปัจจุบัน

ช้างไทยมีความสำคัญต่อระบบนิเวศของป่าไม้ เนื่องจากช้างเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ จึงทำหน้าที่ให้ร่มเงาแก่สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ (Umbrella species) ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เนื่องจากพฤติกรรมการหาอาหารของช้างที่เดินทางหากินในระยะไกล จึงช่วยพาเมล็ดพืชที่ช้างกินเข้าไปให้ไปเกิดในที่ที่ห่างจากต้นแม่ โดยเฉพาะเมล็ดพืชที่มีขนาดใหญ่ เส้นทางที่ช้างเดินผ่านจะเป็นทางด่านสัตว์ ให้สัตว์ชนิดอื่นเดินหากินได้ ขณะเดียวกันกิ่งไม้ที่ช้างโน้มลงมาระหว่างหากิน ก็จะเป็นอาหารให้สัตว์ขนาดเล็กที่เอื้อมหากินที่สูงไม่ได้ นอกจากนี้ มูลช้างยังเป็นปุ๋ยให้กับพืช และเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่ที่สำคัญของแมลงป่าหลายชนิด

จากข้อมูลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่าในปี 2567 ประเทศไทยมีช้างป่าประมาณ 4,013-4,422 ตัว มีประชากรช้างป่ากระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 91 แห่ง แบ่งเป็น อุทยานแห่งชาติ 46 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 36 แห่ง เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 9 แห่ง โดยในจำนวนนี้มี 71 พื้นที่อนุรักษ์ที่กำลังประสบปัญหาช้างป่า

ช้างป่าไม่ได้ขาดแคลน แต่มีปัญหาประชากรช้างล้นป่า

สำหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่ารุนแรงมาก 5 กลุ่มป่า คือ กลุ่มป่าตะวันตก กลุ่มป่าตะวันออก กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ กลุ่มป่าภูเขียว-น้ำหนาว และกลุ่มป่าแก่งกระจาน ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างเกิดขึ้นในพื้นที่อนุรักษ์กว่า 41 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 42 จังหวัดทั่วประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในบางพื้นที่ที่ถิ่นอาศัยไม่สามารถรองรับประชากรช้างป่าได้แล้ว ส่วนหนึ่งออกมาหากกินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่อยู่อาศัย และบางแห่งรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยข้อมูลปัญหาที่เกิดจากช้างป่า พบว่า

• พ.ศ.2563-2567 ช้างป่าออกนอกพื้นที่ 56,019 ครั้ง

• พ.ศ.2555-ปัจจุบัน ผู้บาดเจ็บจากช้างป่า 205 ราย

• พ.ศ.2555-ปัจจุบัน ผู้เสียชีวิตจากช้างป่า 240 ราย

• พ.ศ.2563-2567 พืชผลการเกษตรได้รับความเสียหาย 8,790 ครั้ง

• พ.ศ.2563-2567 เกิดความเสียหายของทรัพย์สิน 1,509 ครั้ง

ความท้าทายที่ต้องเผชิญกับปัญหาประชากรช้างป่า

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้มีศักยภาพในการรองรับประชากรช้างป่าและสัตว์ป่าได้มากขึ้น โดยการจัดทำแนวป้องกันช้างป่าและสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ และจัดให้มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ผลักดันและควบคุมช้างป่าและสัตว์ป่าที่ออกมานอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตลอดจนการควบคุมประชากรช้างป่าหรือการชะลอการเกิดช้างป่า โดยดำเนินตามแนวทางคณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้าง ตามกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาช้างป่า 6 ด้าน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานอนุรักษ์และจัดการช้างในภาพรวมให้เป็นไปอย่างมีระบบ เหมาะสม และยั่งยืน ประกอบด้วย 1. การจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่า 2. แนวป้องกันช้างป่า 3. ชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า และเครือข่ายชุมชน 4. การช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า 5. การจัดการพื้นที่รองรับช้างป่าอย่างยั่งยืน และ 6. การควบคุมประชากรช้างป่าด้วยวัคซีนคุมกำเนิด

การควบคุมประชากรช้างป่าด้วยวัคซีนคุมกำเนิด เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วน เป็นความพยายามและมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาช้างป่าที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และการดำเนินการดังกล่าวนี้เป็นการเตรียมการรองรับสถานการณ์ประชากรช้างป่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในบางพื้นที่ ที่ถิ่นอาศัยไม่สามารถรองรับประชากรดังกล่าวได้เพียงพอ

ลดจำนวนประชากรช้างป่าด้วยการฉีดวัคซีนคุมกำเนิด

กรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมมือกับศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาโครงการศึกษาวิจัยการใช้วัคซีนคุมกำเนิดแก่ช้างป่า โดยใช้วัคซีนคุมกำเนิด SpayVac® ซึ่งมีการใช้งานจริงในช้างแอฟริกามาแล้ว และได้เริ่มดำเนินโครงการทดลองฉีดวัคซีนคุมกำเนิดในช้างบ้านเพศเมียเต็มวัย จำนวน 7 เชือก ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ทั้งนี้มีการเก็บตัวอย่างเลือด ตรวจสุขภาพ และติดตามผลหลังการฉีดวัคซีน โดยวัคซีน 1 เข็ม จะควบคุมได้ระยะยาว 7 ปี พบว่าวัคซีนไม่มีผลต่อพฤติกรรมและสรีระของช้าง เป็นเพียงการควบคุมฮอร์โมนช้างเพศเมียไม่ให้มีลูก ซึ่งผลการทดลองหลังการฉีดวัคซีนพบว่าวัคซีนมีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ช้างไม่มีอาการอักเสบ ไม่ส่งผลกระทบต่อช้างที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ส่งผลเสียต่อพฤติกรรมของตัวช้าง และพฤติกรรมทางสังคมของช้างป่า

การดำเนินการควบคุมประชากรช้างป่าโดยการใช้วัคซีนคุมกำเนิด มีเป้าหมายดำเนินงานเฉพาะพื้นที่ที่มีประชากรช้างป่ามากจนเกินศักยภาพของพื้นที่อนุรักษ์และขนาดของพื้นที่ป่าจะรองรับได้ เช่น ในพื้นที่กลุ่มป่าตะวันออก (ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด) ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรช้างป่าที่มีอัตราการเพิ่มสูงที่สุด และมีปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์รุนแรงมาก โดยจากสถิติที่รวบรวมมาในปี 2567 พบว่า

• จำนวนประชากรช้างป่า 592 ตัว

• จำนวนประชากรช้างป่าเพิ่มขึ้น 8.2% ต่อปี

• ช้างป่าออกนอกพื้นที่ 4,716 ครั้ง

• ผู้บาดเจ็บจากช้างป่า 22 ราย (เฉลี่ยเดือนละ 2 คนต่อปี)

• ผู้เสียชีวิตจากช้างป่า 19 ราย (เฉลี่ยเดือนละ 1 คนต่อปี)

• พืชผลการเกษตรได้รับความเสียหาย 594 ครั้ง

• ทรัพย์สินเสียหาย 67 ครั้ง

• ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ 257 หมู่บ้าน

ทั้งนี้ การใช้วัคซีนมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อแก้ปัญหาช้างป่าอย่างเป็นรูปธรรม มีแผนดำเนินงานที่รัดกุม ผ่านการศึกษาวิจัยที่มีการทดสอบ ติดตาม และประเมินผลสัมฤทธิ์ตามหลักทางวิชาการและเทคนิคการสัตวแพทย์ มีการเตรียมความพร้อมทั้งบุคลากร อุปกรณ์เครื่องมือ เวชภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงกำหนดแนวทางการดำเนินงานในทุกมิติ ทั้งการศึกษาจำนวน โครงสร้างชั้นอายุ สัดส่วนเพศของประชากรช้างป่าในพื้นที่อย่างชัดเจนก่อนดำเนินการ การจำแนกตัวและทำอัตลักษณ์ช้างป่าแต่ละตัวในแต่ละฝูง แนวทางการติดตามช้างป่าโดยการใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ติดตามตัว การติดตามตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงาน

การดำเนินโครงการดังกล่าวนี้จะเป็นแนวทางในการจัดการและแก้ไขปัญหาช้างป่า และการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์และการจัดการประชากรช้างป่าให้มีปริมาณที่สมดุล ลดปัญหาระหว่างคนกับช้างป่า และให้ทุกภาคส่วนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในดูแล เกิดการอนุรักษ์และจัดการช้างป่าอย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืน

Advertisement

แชร์
13 มีนาคม วันช้างไทย เปิดสถานการณ์ช้างป่า กับความท้าทายที่ต้องเผชิญ