จากกรณีน้องผิง ชญาดา ภูพร้าว อายุ 20 ปี นักร้องลูกทุ่งหมอลำสาวชาว ต.บ้านแดง อ.พิบูลรักษ์ จ.อุดรธานี ไปนวดคอบ่าไหล่ที่ร้านนวดแผนโบราณ ริมสวนสาธารณหนองประจักษ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี 3 ครั้ งมีการบิดคอ 2 ครั้ง ทำให้แขนและขาชาป่วยเป็นอัมพาตติดเตียงและเป็นเจ้าหญิงนิทราเสียชีวิตเมื่อเช้าวันนี้ (8ธ.ค.67) ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาเวลา 14.00 น.วันที่ 8 ธันวาคม2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านนวดแผนโบราณ ริมสวนสาธารณหนองประจักษ์ศิลปาคม ถนนเทศาเขตเทศบาลนครอุดรธานีซึ่ งถูกระบุว่าเป็นร้านนวดที่น้องผิง มาใช้บริการ
เมื่อเดินทางไปถึงพบสุมิญชยา สังฆทิพย์ นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 8 อุดรธานี นางศุทธินี เหลือวงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข จ.อุดรานี นายสมชาย ชิณวานิชย์ เจริญหัวหน้ากลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกสำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี พร้อมคณะเดินทางมาตรวจร้านนวดดังกล่าว ว่ามีใบขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุภาพประเภทนวดเพื่อสุขภาพหรือไม่
เบื้องต้นพบหมอนวด 2คน มีใบขึ้นทะเบียน ส่วนอีก 5 คน อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบหากไม่มีใบขึ้นทะเบียนจะผิดกฎหมาย จะเป็นหมอนวดเถื่อน ไม่สามราถให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและเก็บข้อมูลโดยไม่ให้สัมภาษณ์ ซึ่งวันที่ 9 ธ.ค.นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี จะแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์เอง
ด้านนางนิชาภา อายุ 60 ปี ผู้จัดการร้านนวด ชี้แจงว่า ร้านนวดที่นี่เปิดมาตั้งแต่ปี2548 หมอนวดแผนโบราณที่ร้านมีจำนวนไม่แน่นอน แล้วแต่บางวัน บ้างครั้งก็เป็น10คน บางครั้งก็เหลือ 4-5 คนแล้วแต่จังหวะที่หมอนวดจะมีงานที่อื่นไปทำงานที่พัทยาภูเก็ตหรือต่างประเทศ หมอนวดส่วนมากก็จะมาทำชั่วคราว คนที่จะมานวดก็จะตรวจสอบว่ามีใบอนุญาตมีการขึ้นทะเบียนหรือไม่ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ทำงานนานหรือไม่
ถามว่ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นนวดน้องที่เสียชีวิต ก็ไม่ทราบพอลูกเข้ามา เราก็จำไม่ได้ว่ามีลูกค้าคนไหนเข้ามาเมื่อไหร่ แต่ถ้าหากมานวดวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็พอจะนึกออกอยู่บ้างแต่เห็นว่าตามข่าวที่บอกคือมานวดช่วงตุลาคมปีนี้ ไม่ว่าจะหมอนวดหรือลูกค้าเองก็คิดว่าคงจะจำไม่ได้แน่นอนว่าเคยนวดใครคนไหน เพราะเป็นการไล่เป็นตามคิววันต่อวัน แต่ก็จะมีอีกประเด็นคือลูกค้าประจำที่จะมีหมอนวดประจำที่มาใช้บริการบ่อยๆ
“ส่วนน้องคนนี้กรณีนี้เราไม่รู้ว่าเขามานวดวันไหน บอกตรงๆว่าไม่รู้เรื่องเลยส่วนการนวดหักคอ ส่วนมากหมอนวดที่เราเรียนมานั้นมันไม่มีมันเป็นข้อห้าม แต่หมอนวดที่มาทำงานบางคนที่ผ่านงานกรุ๊ปทัวร์ไปต่างประเทศมา หรือไปเรียนรู้จากที่อื่นมา เราก็ไม่รู้ ส่วนมากลูกค้าจะคุยกับหมอนวดตัวต่อตัว ว่าวันนี้ไม่ดัดนะไม่หักนะไม่ดึงนะนวดเบาๆไม่เอาหนักแล้ว แต่ลูกค้าต้องการ แต่บางคนก็บอกอยากดัดหักคอ แต่เราก็จะบอกว่าที่นี่ไม่มีหักคอมันอันตราย เราก็จะบอกไปแต่ถ้าหากลูกค้าเขาคุยกัน 2 คนเราก็ไม่รู้จริงๆว่าเขาสื่อสารกันยังไง แต่ยืนยันว่าที่นี่ตามที่เรียนมาไม่มีหักคอ ไม่มีดัดคอเต็มที่ก็แค่ดัดเอว อย่างอื่นเราไม่มีการดัดคอมันอันตรายอยู่แล้วมีเส้นประสาทที่สำคัญอยู่แล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันอันตรายแบบไหนเพราะก็ไม่ได้เรียนมา”
ผจก.ร้านนวด ชี้แจงอีกว่า วันนี้ทราบข่าวตอนเที่ยงตอนแรก เขายังไม่ระบุว่าห้องไหนสักพักก็ทราบว่าระบุเป็นห้องนี้ เราก็พยายามเช็กว่าหมอนวดคนไหนที่ดัดคอเป็นบ้างคนที่นวดครั้งที่ 3 ของน้องยังอยู่แต่คนนวดคนแรกนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นใครเห็นข่าวแล้วก็ตกใจเข่าอ่อนหมดแล้วไปไม่เป็น เสียใจที่มารู้ว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแบบนี้เราก็ระวังบอกลูกค้าอยู่ว่าถ้าอาการหนักให้ไปหาหมอการนวดมันก็ได้แค่นิดๆหน่อยๆแต่การบิดคอเราไม่รู้จริงๆว่าใครบิดบ้างแต่ของตนเองไม่มีการบิดไม่ได้เรียนมาแบบนี้เพราะมันอันตรายมันเป็นคอถ้ามันหักไปจะทำอย่างไร
ส่วนน.ส.คำแสน หรือ นาง อายุ 45 ปี หมอนวดครั้งสุดท้าย ได้ชี้แจง คนนวดคนแรกไม่ทราบเป็นใคร แต่นวดบิดคอมีอยู่ 2 คน แต่หมออ้อยได้ลาออกไปแล้ว ส่วนหมอนวดอีกคนเพิ่งเข้ามาทำงาน และน้องผิงไม่ใช่เป็นลูกค้าประจำ ทำให้จำไม่ได้ว่าใครเป็นคนนวดคนแรก เคยบอกลูกค้าในการนวดหักคอไม่ควรทำ และไม่จำเป็นเลยซึ่งตนมีใบอนุญาตในการนวดอยู่แล้ว ตอนที่เขานวดหักคอนั้นตนไม่ได้ดูเพราะต่างคนต่างทำงานเท่านั้นเอง
Advertisement