เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.พุทธางกูร เรืองธรรม สว.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล.ร่วมกันจับกุม นางสาวหนึ่งสุดาฯ หรือดาว อายุ 21 ปี ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน
1.ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1150/2567 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ซึ่งกระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด”
2.ตามหมายจับศาลจังหวัดลพบุรี ที่ จ.116/2567 ลง 1 ส.ค. 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงด้วยการแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคลอื่นใช้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี”
3.ตามหมายจับศาลจังหวัดชุมแพ ที่จ.133/2567 ลง 5 ส.ค.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด, ร่วมกันฉ้อโกง และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
สถานที่จับกุม บริเวณสถานีรถไฟกุยบุรี ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จว.ประจวบคีรีขันธ์
พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุม ได้รับข้อมูลเบาะแสจากสายลับ ให้ข้อมูลว่าพบบุคคล คล้ายบุคคลตามหมายจับ จะเดินทางโดยรถไฟมาลงที่ สถานีรถไฟกุยบุรี จึงได้ร่วมกันไปซุ่มดักรอ ทราบว่า นางสาวหนึ่งสุดาฯ หรือดาว ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ ศาลอาญามีนบุรี หมายจับ ที่ จ.1150/2567 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ได้เดินทางมากับรถไฟขบวนที่ 254 (หลังสวน-ธนบุรี) โดยมีปลายทางลงที่สถานีรถไฟกุยบุรี
เมื่อทราบข้อมูลดังกล่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ต่อมา พบบุคคลลักษณะคล้าย นางสาวหนึ่งสุดาฯ เดินลงมาจากรถไฟขบวนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสอบถามชื่อบุคคลดังกล่าว ทราบชื่อคือ นางสาวหนึ่งสุดาฯ จึงได้ขอตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน พบว่ามีชื่อ-สกุล และหมายเลขประจำตัวประชาชน ตรงกับบุคคลตามหมายจับ
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่า น้องสาวแท้ๆ ของตนเป็นคนขอร้องให้ตนเปิดบัญชี โดยอ้างว่าเพื่อเป็นบัญชีเงินเดือนสำหรับหลาน ซึ่งตนเองก็รักน้องสาวและเชื่อใจ จึงได้เปิดบัญชีไว้ให้ โดยไม่รู้มาก่อนว่าบัญชีของตนเองจะถูกไปใช้เป็นบัญชีม้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และถูกผู้เสียหายแจ้งความไว้ถึง 3 ท้องที่ ซึ่งตนเองอยากฝากให้คนที่จะทำธุรกรรมหรือมีคนมาชักชวนให้เปิดบัญชีไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องหรือคนรู้จัก ให้ระมัดระวังเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ที่ตัวเองเจอไปเกิดกับใครอีก
Advertisement