จากกรณีที่นายไทด์ อายุ 26 ปี เจ้าของร้านกัญชาในตัวเมืองเชียงใหม่ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก เมืองเชียงใหม่ ว่าถูกกลุ่มคนร้าย 4 คน ถือเหล็กแหลม มา 2 อัน บุกเข้ามาที่ร้าน ก่อนจับตนเองพร้อมลูกน้องมัดมือมัดเท้าเอาถุงกระสอบคลุมหัว แล้วปล้นเอาทรัพย์สิน อาทิ เงินในบัญชี 383,385 บาท มือถือไอโฟน 16 โปรแม็ก ไอแพด 2 เครื่อง รถจักรยานยนต์ 4 คัน พระเครื่อง และอื่นๆ อีกหลายรายการ เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.00 น.ของวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุดที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.กฤตฤาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 แถลงความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ต้องหาที่ร่วมกันลงมือก่อเหตุ ซึ่งจากการสืบสวน พบว่า มีจำนวน 5 คน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมได้แล้ว 4 คน คือ นายพลากร หรือ แคมป์ อายุ 26 ปี นายจิระเชฎฐ์ หรือ หรั่ง อายุ 22 ปี ถูกจับกุมขณะกบดานอยู่ในห้องพักส่วน อีก 2 ราย คือนายปาริฉัตร หรือ นิว อายุ 30 ปี และนายฐิตินันท์ หรือ นัต อายุ 22 ปี จับกุมตัวได้ในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี ส่วนอีก 1 ราย อยู่ระหว่างหลบหนี คือ นายจิรายุส หรือ ไอซ์ อายุ 19 ปี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานขอนุมัติศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับแล้ววานนี้ ( 13 ธ.ค.67)
พล.ต.ท.กฤตฤาพล เปิดเผยว่า คนร้ายได้เข้ามาภายในร้านฯ โดยได้ปิดบังอำพรางใบหน้า และได้ยึดโทรศัพท์ของเจ้าของร้าน พร้อมใช้เคเบิ้ลไทป์มัดมือ และเท้าใช้ผ้ามัดปิดตา จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุได้บังคับให้บอกรหัสผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อทำการโอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร จำนวน 250,000 บาท โดยให้ทำการสแกนใบหน้า พร้อมได้ทำการถอดกล้องวงจรภายในร้านฯ และได้เอาทรัพย์สินภายในร้านฯ
จากนั้นได้หลบหนีไปต่อมาเจ้าของร้านได้ทำการตรวจสอบบัญชีธนาคารของตนเอง ทราบว่าหลังจากเกิดเหตุได้มีการโอนเงินออกอีกจำนวนหลายรายการ รวมเป็นเงิน 383,385 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบภายหลัง ทราบว่าได้ถูกโอนไปยังบัญชี ชื่อนายจิรายุส
จากกการสอบสวนทราบว่า 1 ในผู้ต้องหาคือนายพลากร มีปัญหาความในใจกับตัวของนายไทด์ เจ้าของร้านมาก่อน เนื่องโดยนายพลาก ก่อนหน้านี้ได้รู้จักกับนายไทด์เจ้าของร้านเป็นอย่างดี และเล่นปืนด้วยกัน โดยนายไทด์ได้ให้นายพลากรฯนำปืนไปแต่ง แต่นายพลากรถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบภาค 5 จับกุมดำเนินคดีครอบครองอาวุธ และติดคุก เมื่อพ้นโทษออกมาจึงได้เข้าไปหาผู้เสียหายหลายครั้ง เพื่อมาขอเงิน แต่ก็ไม่เคยได้เงิน จึงเกิดความแค้น จึงร่วมมือกันกับนายหรั่ง ซึ่งเป็นลูกจ้างของนายไทด์พาเพื่อนมาปล้น บังคับให้โอนเงิน จากนั้นก็มีการแบ่งเงินกัน พบว่าคนที่ได้เงินไปมากที่สุดคือนายพลากร
อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาทั้งหมดถูกดำเนินคดีในฐานความผิด “ร่วมกันปล้นทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อการกระทำผิดการพาทรัพย์นั้นไปและเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะได้สรุปสำนวน และนำตัวผู้ต้องหาที่จับได้ไปขออำนาจศาลจังหวัดเชียงใหม่ฝากขังต่อไป
Advertisement