วันที่ 15 ธ.ค.67 พ.ต.ต.สักกะพงษ์ ผลเกิด สารวัตร(สอบสวน)สภ.หนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีเหตุรถพ่วงขนรถเกี่ยวข้าวทับเด็กเสียชีวิตบนถนนกลางหมู่บ้านเขื่อนด่าน ต.โคกสว่าง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ จึงประสานสมาคมกู้ภัยหนองกี่ร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนคอนกรีตในหมู่บ้านพบรถไถนาลากจูงพ่วงบรรทุกรถเกี่ยวข้าวจอดกลางถนนบริเวณล้อด้านขวาหลังของตัวพ่วงพบร่างน้องพี อายุ 7 ปี ลักษณะนอนหงายถูกล้อตัวพ่วงดัดแปลงด้านขวาทับบริเวณช่วงสะโพก อีก 1 ล้อทับบริเวณศีรษะกะโหลกแตกเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
การกู้ร่างเป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากลูกพ่วงบรรทุกรถเกี่ยวหนักบวกกับลูกพ่วงไม่น้อยร่วม10ตันต้องใช้แม่แรง2ตัวช่วยยกตัวรถก่อนจะนำร่างน้องออกมาได้ใช้เวลาประมาณ1ชม.
สอบถามนายมนัส นกกระโทก อายุ 65 ปี คนขับรถ เล่าว่าได้บรรทุกรถเกี่ยวจากการเกี่ยวข้าวจะกลับบ้าน ระหว่างที่ตนขับรถมาบนถนนขับมาตามปกติแบบช้าๆ เพราะรถหนัก
ยอมรับว่าเห็นเด็กวิ่งว่าวกันอยู่ในไร่อ้อยที่เผาแล้วข้างถนน 2 คน คนหนึ่งปล่อยว่าวอีกคนเป็นคนวิ่ง จู่ๆ หนึ่งในนั้นคาดว่าเป็นคนวิ่ง วิ่งมาทางรถที่ตนขับมาตอนแรกคิดว่าเด็กเห็นรถแล้วทันใดนั้นได้ยินเสียดังอยู่ท้ายรถ จึงจอดดูพบว่ารถทับร่างเด็กแล้ว
นางม้วน อายุ 67 ปีย ายของน้องพี เล่าว่า หลานชอบเล่นว่าวเป็นชีวิตจิตใจวันก่อนว่าหลานไปติดอยู่สายไฟฟ้าในหมู่บ้าน ให้ยายซื้อตัวใหม่ให้ จึงบอกให้พ่อกับแม่ซื้อมาให้ได้วันเดียวอยากจะให้ตำรวจตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งว่า สาเหตุที่ถูกรถทับมาจากสาเหตุอะไร
ด้านนางสาวศิราณี อายุ 26 ปีแม่เด็กบอกว่าตอนเกิดเหตุตนและสามีไปทำงานกระทั่งแม่โทรศัพท์ไปแจ้งจึงรีบมาลูกชายชอบเล่นว่าวมาก แต่ไม่อยากให้ไปเล่นไกลเพราะกลัวอันตราย ลูกชายจึงเล่นกับเพื่อนอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นไร่อ้อยที่ถูกตัดออกแล้วไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแบบนี้กับลูกชายได้ทั้งที่เตือนและให้ระวัง
Advertisement