วันที่ 16 ธ.ค.67 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รรท.ผบช.ภ.2 แถลงผลยุทธการ ทลายรังนักเลง Episode 1:ปฐมบท ไล่ล่านักเลงปราจีน
โดยระบุว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในห้วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยเราได้อาวุธปืนอาวุธสงคราม และได้ผู้ต้องหามาไม่น้อย เราปูพรมตรวจค้นใน 12 อำเภอปราจีนบุรี รวม 59 เป้าหมาย พบอาวุธปืน 79 กระบอก กระสุน 601 นัด จับผู้ต้องหาได้ 8 ราย นี่เป็นเพียงบทเริ่มต้นของปฏิบัติการนี้ คาดหวังว่าในห้วงเวลาต่อๆไป ปริมาณอาวุธ ของผิดกฎหมาย จำนวนผู้ต้องหา คงจะเพิ่มขึ้น
สิ่งที่เรากำลังทำ นอกจากจะกวาดล้างนักเลงแถวนี้แล้ว เรากำลังเตรียมรับการเลือกตั้งนายก อบจ. ปราจีนบุรี ก็ต้องป้องกันไว้ก่อน อีกทั้งใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่หลายหลายพื้นที่ อาจจะมีความรุนแรงการใช้อาวุธ ในขณะที่ประชาชนกำลังเฉลิมฉลองปีใหม่ วันนี้ปราจีนบุรี จึงได้โอกาสจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก
คิดว่าการที่เราเอาของกลางมาปรากฏต่อหน้าสื่อวันนี้ เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนว่าพวกเรา จะทำหน้าที่ของพวกเราให้ดีที่สุด พวกเราทุ่มเทสรรพกำลัง แรงกายและแรงใจ จึงมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเกิดขึ้นอีก เพราะการทุ่มเทสรรพกำลังครั้งนี้ไม่ใช่แค่เฉพาะตำรวจในปราจีนบุรี หรือตำรวจภูธรภาคสอง ตำรวจจากส่วนกลาง เช่น กองปราบปราม ก็ลงพื้นที่มาช่วยทำงานด้วย เชื่อว่าทั้งปราจีนบุรี หรือพื้นที่ไหนๆ ความรุนแรงไม่เกิดขึ้นแน่นอนในสนามเลือกตั้งท้องถิ่น
ปฏิบัติการครั้งนี้ก็คงพิสูจน์ได้ในระดับหนึ่ง ว่าหลังเกิดเหตุไม่ถึง 1 ชั่วโมง เราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาสำคัญได้ และสามารถแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาสำคัญได้ ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งปรากฏการณ์อย่างนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความมั่นใจให้กับชาวปราจีนบุรีได้ในระดับหนึ่ง
แน่นอนว่า เวลาเราไม่สบายเป็นโรคฉีดยาเข็มเดียวยังไม่หาย ต้องมีเข็มที่สอง เข็มที่สาม หรือเข็มที่เก้า ก็เป็นไปได้ แต่เราคิดว่าการทุ่มเทขนาดนี้ เราคงไม่ฉีดถึง 20 เข็ม เข็มที่สี่เข็มที่ห้า เราก็สร้างความมั่นใจให้กับสังคมได้ในระดับหนึ่งแล้ว ใครก็ตามที่เป็นนักเลงโตแถวนี้ และทำผิดกฎหมายทำให้ประชาชนเดือดร้อน ถือเป็นกลุ่มที่ตรงข้ามกับตำรวจทั้งสิ้น
ส่วนผลการตรวจค้นเมื่อเช้าที่ผ่านมามีความเชื่อมโยงกับคดียิง สจ.โต้งอย่างไรบ้างนั้น คงสรุปไม่ได้ตอนนี้ ผลการตรวจค้นพยานหลักฐานต่างๆ ก็คงมอบให้พนักงานสอบสวนไปตรวจสอบ วันนี้ตนเรียกว่าเป็น episode 1 เนื่องจากว่าหลังเกิดเหตุทันทีทันใด เราก็กวาดล้างให้หมดก่อนรอบที่หนึ่ง พยานหลักฐานมียังไง เจออะไรบ้าง ก็คงจะเอาไปพิจารณาว่ามันเกี่ยวโยงกับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของผู้ต้องหาที่มีการตรวจค้นสองวัน เท่าที่ตรวจสอบ มีระดับนักการเมืองท้องถิ่น มันมีความเชื่อมโยงกับผู้ตายที่เป็นอดีตนักการเมืองท้องถิ่นอย่างไรบ้าง
พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุว่า ตนคงพูดตอนนี้ไม่ได้ คงต้องไปพูดในระดับอัยการ ศาล เพราะว่ามันไม่ใช่หน้าที่ที่ตนจะมาแถลงต่อสังคม เอาเป็นว่าพยานหลักฐานทั้งหมด ที่เรารวบรวมได้ ก็เข้ากระบวนการ กระบวนการจะเป็นอย่างไรเชื่อมโยงอย่างไร ก็คงไปพิสูจน์กันในชั้นกระบวนการสอบสวน
ผู้สื่อข่าวถามว่าดูเหมือนกับว่าการที่เราไปตรวจค้น 59 เป้าหมายมันเชื่อมโยงกับโกทรหรือไม่ อย่างไร
พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุว่า ไม่ใช่หรอก ตนบอกแล้วว่าใครก็ตามที่กระทำความผิด โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับความรุนแรง เราก็เข้าตรวจค้นหมด ตนไม่ได้ให้ธงว่าจะเข้าที่ไหน เราก็ไปตามเป้าหมายที่เคยมีอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวานนี้ตำรวจได้พยายามที่จะขอหมายค้นบ้านของรองนายกฯอบจ.ท่านหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกันกับจุดเกิดเหตุ แต่ทราบว่าขอหมายค้นไม่ได้
พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุว่า ขอหมายค้นได้ และก็มีการตรวจค้นไปแล้ว จุดไหนที่ขอแล้วไม่ได้ เราก็พยายามขอจนได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าคดียิงสจ.โต้ง 7 ผู้ต้องหาที่ตำรวจกำลังดำเนินคดีอยู่มั่นใจใช่ไหมว่า 7 คนนี้เป็นคนฆ่า
พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุว่า ถามว่ามีความมั่นใจไหม ตนคงพูดไม่ได้ตอนนี้หรอก เพราะว่าเรารวบรวมพยานหลักฐานรวบรวมคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และเราก็ตั้งสมมุติฐานเข้าองค์ประกอบของกฎหมาย และเราก็แจ้งข้อหา ส่วนผลมันจะเป็นอย่างไร มันก็สิ้นสุดกระบวนการชั้นสอบสวนของตำรวจ มันก็จะต้องมีการพิสูจน์ในชั้นอัยการ มีการพิพากษาโดยชั้นศาล มันก็ต้องเป็นกระบวนการไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าสำนวนที่ทำอยู่ทุกวันนี้ มันอาจจะไปหลุดรอดที่อัยการ เนื่องจากว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ในฐานร่วมกันฆ่า
พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุว่า ตนไม่ก้าวล่วงหน่วยราชการอื่น แต่เราทำกำลังเต็มความสามารถของพวกเรา คนที่มาทำสำนวนเป็นคณะทำงานของจังหวัดด้วย ของกองปราบด้วย และของหน่วยอื่นๆด้วย ทันทีทันใดที่เกิดเหตุเราพิจารณาแล้วด้วยความรอบคอบจากพยานในที่เกิดเหตุ จากพยานแวดล้อมอื่นๆ คงไม่มีใครกล้าบ้าบิ่นไปแจ้งข้อหาโดยที่พยานหลักฐานต่างๆยังไม่มีครบถ้วนถูกต้อง มันเป็นการพิจารณาพยานหลักฐานเบื้องต้น
ส่วนในคดีมีความเป็นไปได้ที่จะให้กองปราบเป็นผู้ดำเนินการหรือไม่นั้น เพราะว่าผู้กระทำความผิดและความเชื่อมโยงมันหลายพื้นที่ ถ้าอยู่ในพื้นที่นอกความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาคสอง มันก็มีข้อจำกัด อีกส่วนนึงสังคมอาจจะคิดว่าถ้าเกิดเราทำเองเราอยู่ในพื้นที่อาจจะอึดอัดที่จะนำพยานมาสอบสวน ถ้ามันเกิดเป็นความไม่สบายใจ เราจะให้คนกลางคือกองปราบมาทำ ตนทำงานในพื้นที่ ตนก็ต้องบอกว่าเราเต็มที่ที่สุดแล้ว มันก็อยู่ที่คนที่ดูเหนือขึ้นไป ตนก็หารือกับท่านผบ.ตร.ตลอด ท่านก็เข้าใจว่าเราเต็มที่ที่สุดแล้ว แต่ถ้าเพื่อลดข้อครหา และสะดวกในการทำงานเชื่อมโยงหลายพื้นที่ด้วย บางครั้งก็อาจจะเอาหน่วยงานส่วนกลางมาทำคดี ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย
ในส่วนของทางฝั่งสจ.โต้งตำรวจได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง นั้น พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุว่า ตำรวจได้มีการกวาดหมดเหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า รวมถึงตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยหรือไม่
พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุว่า เรื่องนี้ตนกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ พูดตอนนี้ไม่ได้ เพราะว่าผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังไม่ได้ปรากฏว่าเค้าผิดหรือถูกอย่างไร ก็คงต้องให้ความเป็นธรรม ซึ่งต้องตรวจสอบให้รอบด้าน
ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่าตำรวจมีการเสนอให้ย้ายโกทรไปเรือนจำที่กรุงเทพฯนั้น ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มีอำนาจเสนอ เพราะว่าศาลท่านไม่อนุญาตให้ประกันตัว ศาลก็นำผู้ต้องหาทั้งหมดไปควบคุมตัวที่เรือนจำจังหวัดนครนายก การจะย้ายไปโรงพยาบาลหรือย้ายไปที่ไหน มันเป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์ ไม่ใช่เรื่องของพวกเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลจากลูกน้องของทั้งสองฝ่าย ทั้งจาก สจ.โต้งและทางฝั่งโกทร ในเรื่องของการเลือกตั้ง นายกอบจ.ว่าอาจจะมีการแก้แค้น ทางเรามีการป้องกันอย่างไร
พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุว่า เขากังวล เราก็กังวลเราถึงมียุทธการนี้ ใครก็กังวลได้ใครก็คาดการณ์ได้ ตนถึงบอกว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้น และหาเป้าหมายเข้าตรวจค้นจับกุมต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตรวจเขม่าดินปืนในบ้านทุกคน ใช่หรือไม่
พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุว่า มีการตรวจเขม่าดินปืนในบ้านทุกคน แต่ตนพูดไม่ได้เหมือนกัน เพราะมันอยู่ในกระบวนการสอบสวน ถ้าพูดว่าเจอกี่คน ก็เป็นการพิพากษาเขาไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นว่ามีปืนบางกระบอกที่อยู่ในบ้านซึ่งก็ไม่ตรงคนที่ใช้
พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุว่า ตนไม่พูดดีกว่า เพราะมันเป็นเรื่องวิชาชีพในกระบวนการสอบสวน ถ้าไปพูดเปิดหมดมันก็เป็นข้อต่อสู้ได้
ส่วนสองคนที่ยอมรับว่าเป็นมือสังหาร ยิงไป 30 กว่านัด โอกาสเป็นไปได้หรือไม่ พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุว่า เราก็ไม่ได้เชื่ออย่างนั้น ใครจะรับสารภาพก็ได้ เราก็จับสอบสวนหมดอยู่แล้ว อาจจะใช่หรือไม่ใช่ มันก็เป็นแค่คำกล่าวของผู้ต้องหาว่าเขาเป็นคนยิง อาจจะจริงก็ได้ไม่จริง เราไม่เชื่อ
ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการจ้างซุ้มมือปืนเพชรบุรีหรือราชบุรีเข้ามาก่อเหตุ ตนไม่รู้ ตนบอกแล้วว่าอยู่ในกระบวนการสอบสวน เดี๋ยวก็ต้องสืบสาวไปว่าคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเป็นใครมาจากไหน เกี่ยวข้องกับผู้ตายเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหายังไง
Advertisement