จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ“จรูญบุญจวง”ได้โพสต์ภาพชาวบ้านแห่เลือกรองเท้าผ้าใบมือ2 นับหมื่นคู่ ถูกนำมากองทิ้งไว้สวนสาธารณะทุ่งหนองนามน บ.หัวขัว ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี เวลาประมาณ 08.00 น. วันที่ 19 ธันวาคม 2567 พร้อมกับระบุข้อความว่า“ไผบ่มีเกิบมาเอาเด้อครับ555สงสัยเจ้าของใส่แล้วเลยเบื่อ” พิกัดทุ่งนามนบ้านหัวขัว ชาวบ้านต่างพากันขอบคุณเจ้าของรองเท้าที่นำมาทิ้ง จึงพากันเก็บใส่ถุงปุ๋ยขึ้นรถกลับบ้านไปให้ญาติพี่น้องได้สวมใส่ไปทำนา ตัดอ้อย และสวมใส่ในชีวิตประจำวัน
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าวเวลา 10.20 น.วันที่ 20 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังทุ่งหนองนามน ถ.อุดรธานี-กุดจับ บ.หัวขัว ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี พบกับนางละออง เกิดดี อายุ 58 ปี ชาวต.แสวงหา อ.แสวงหา จ.อ่างทอง เจ้าของรองเท้าผ้าใบมือ2 ที่เดินทางมาที่เกิดเหตุ หลังทราบข่าวจากสื่อและยืนยันว่าไม่ได้นำรองเท้ามาทิ้ง แต่เป็นการขนมากองไว้เพื่อรอขนไปขายที่อ.วังสะพุง จ.เลยในวันนี้ และจะไปแจ้งเอาผิดกับคนที่โพสต์เรียกชาวบ้านให้มาเก็บเอาไปใช้ และไม่ได้ติดใจชาวบ้านที่เก็บเอาไป
โดยในวันนี้ยังพอมีชาวบ้านมาเลือกรองเท้าผ้าใบมือ2 อยู่ ขณะที่เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลกุดจับได้เข้ามาเก็บรองเท้าที่หลือประมาณ 200-300 คู่ มากองรวมกันซึ่งนางละอองฯ เจ้าของรองเท้าได้มอบให้เจ้าหน้าที่เทศบาลนำไปทิ้งบ่อขยะเพราะเป็นรองเท้าไม่มีคู่และชำรุด ก่อนจะเดินทางไปแจ้งความที่สภ.กุดจับ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายกับผู้โพสต์ภาพและข้อความ
นางละออง เจ้าของรองเท้ามือ2 เล่าว่าวันนั้นตนได้นำรองเท้าขนใส่รถบรรทุก 6 ล้อมาวางไว้ตรงนี้ในช่วงค่ำวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา เพราะไม่มีที่วางสินค้า และรีบกลับไปขายของอยู่ที่หน้าโรงหนังวิสต้าที่อยู่ติดกับสนามทุ่งศรีเมือง ตรงที่ตนมาเช่าพื้นที่ขายรองเท้าผ้าใบเสื้อผ้าและเสื้อกันหนาวมือ2 ที่ตนนำมาขายรวม 9 ปีแล้ว และจะกลับมาขนเอาไปขายที่ อ.วังสะพุง จ.เลยในวันนี้(20ธ.ค.67)ต่อจากงานประจำปีทุ่งศรีเมืองอุดรธานี ซึ่งในวันที่ขนรองท้ามาวางที่นี่เนื่องจากมืดค่ำแล้ว
“ถ้าไม่มีคนโพสต์ในโซเชียลว่าแจกรองเท้าฟรีสินค้าของตนก็คงไม่หายไปเยอะขนาดนี้โดยมีทั้งหมด 350 กระสอบปุ๋ย กระสอบละ 35 คู่ รวมมูลค่าพร้อมค่าขนส่ง 80,000บาท สินค้าดังกล่าวตนไปรับซื้อมาจากท่าเรือแหลมฉบังจ.ชลบุรี ตนก็ไม่เคยเอาสินค้ามาวางไว้แบบนี้ในพื้นที่จ.อุดรธานีแบบนี้ เพราะเชื่อว่าคนอีสานไม่มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อยเพราะเคยวางไว้ที่อื่นในภาคอีสานก็ไม่หาย และนำผ้ามาคลุมของไว้เป็นอย่างดีแต่ไม่ได้เขียนป้ายติดไว้ว่ามีเจ้าของเพราะไว้ใจคนทางอีสานที่ไม่มีนิสัยขี้ขโมย”
นางละออง ยังบอกอีกว่า ขายของมา 35 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกรู้สึกตกใจมาก ซึ่งรองเท้าทั้งหมด 1 หมื่นกว่าคู่ ตนก็ไปกู้เงินมาซื้อมาขาย ถ้าแจกฟรีตนก็จะไม่แจกที่นี่แต่จะไปแจกที่หน้าโรงหนังวิสต้าตรงที่ตนขายซึ่ง ส่วนที่เหลือรองเท้าก็ไม่มีคู่ก็คงจะต้องให้เทศบาลลตำบลกุดจับนำเอาไปทิ้ง
ต่อมาเมื่อเวลา11.30น.วันนางละออง ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพ.ต.อ.อัมรินทร์ อยู่เย็นผกก.สภ.กุดจับ ให้ดำเนินคดีต่อคนโพสต์ที่เป็นต้นเหตุทำให้สินค้าของตนถูกชาวบ้านมาเอาไปจนเกือบหมด โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนจะลงบันทึกไว้เป็นหลักฐา นและจะได้เชิญตัวผู้โพสต์มาสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.อัมรินทร์ ผกก.สภ.กุดจับ เปิดเผยว่า วันนี้ผู้เสียหายมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้ วอยากจะดำเนินคดีกับคนที่โพสต์เพราะเชื่อว่าการโพสต์แบบนี้ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อและแห่กันมาเอาสินค้าของผู้เสียหายไป แต่ถ้าไม่โพสต์รองเท้าก็คงจะหายไปนิดเดียว ซึ่งทำให้เจ้าของสินค้านั้นเสียหาย หลังจากนี้จะได้ติดตามหาผู้โพสต์มาสอบปากคำอย่างละเอียดว่าการโพสต์ภาพและข้อความลงไปเพราะอะไรและจะมีความผิดเข้าข่ายพรบ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ส่วนคนที่มาเอารองเท้าไปทางผู้เสียหายก็ไม่ได้ติดใจเพราะนึกว่ามีคนนำรองเท้ามือ2มาทิ้งจริงๆ
Advertisement