วันที่ 29 เม.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุการณ์สลดนี้เกิดขึ้นที่บริเวณถนนกมลาป่าตอง ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ตามข้อมูลผู้เสียชีวิตคือนาย ประดิษฐ์ ดุมลักษณ์ อายุ 62 ปี มีประวัติเป็นโรคหัวใจ ได้เกิดอาการหน้ามืดในสวนทุเรียนชุมชนกมลา ญาติประสานโรงพยาบาลป่าตอง ให้ส่งทีมฉุกเฉินมารับตัว ตั้งแต่เวลา 08.15 น. เมื่อรถพยาบาลถึงที่เกิดเหตุแล้วรีบนำผู้ป่วยขึ้นรถ และออกวิ่งมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองภูเก็ต เพื่อส่งรักษาต่อ
แต่ระหว่างทางปรากฏว่ามี แท็กซี่ป้ายเขียวคันหนึ่งฝ่าฝืน ไม่หลีกทาง ขับอยู่ชิดซ้ายสุด และลดความเร็ว ทำให้รถฉุกเฉินไม่สามารถเร่งความเร็ว เพื่อปั๊มหัวใจผู้ป่วยได้ทันท่วงที เบื้องต้นทีมแพทย์ฉุกเฉินพยายามปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ และยืนยันเสียชีวิตในเวลาประมาณ 08.45 น.
ผู้เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า “รถพยาบาลเปิดไซเรนเต็มที่ แต่แท็กซี่ไม่ยอมหลบ ทางคับแคบมาก ถ้าหลบให้รีบนิดเดียวก็อาจช่วยชีวิตได้”
ด้านโรงพยาบาลป่าตอง และตำรวจภูธรกมลาได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพร้อมเรียกคนขับแท็กซี่มาสอบสวนเบื้องต้น ตั้งข้อหาขับขี่กีดขวางรถฉุกเฉิน และละเมิดสิทธิผู้ป่วยก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ น.ส.เมย์ (นามสมมติ) ลูกสาวผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 68 คุณพ่ออายุ 77 ปี ได้ไปดูคนงานชาวเมียนมาเก็บผลสตอ ที่อยู่ในสวนทุเรียนใกล้บ้านก่อนเกิดอาการหน้ามืดเป็นลม ญาติที่อยู่ด้วยกันจึงรีบแจ้งไปยัง 1669 เพื่อขอรถฉุกเฉินมารับตัว และได้รับการประสานงานจาก อบต.กมลา นำผู้ป่วยส่งต่อไปยังจุดรับเปลี่ยนรถ ที่ถนนกมลาป่าตองฯ เป็นรถฉุกเฉินเฉินของทางโรงพยาบาลป่าตอง นำส่งต่ออีกที
“คุณพ่อยังพอมีชีพจร ตอนขึ้นรถของโรงพยาบาลป่าตอง แต่เมื่อรถโรงพยาบาลป่าตองมาถึง และเปิดไซเรนบนถนน กลับมีแท็กซี่ป้ายเขียวไม่หลบทาง เลนคับแคบรถพยาบาลจึงต้องลดความเร็ว จากนั้นแท็กซี่หักเข้ามาชนข้างรถฉุกเฉิน จังหวะนั้นคุณพ่อยังมีชีพจร แต่หลังปั๊มหัวใจไม่ทันอาการทรุดลง และเสียชีวิตภายในรถฉุกเฉิน” น.ส.เมย์ กล่าวน้ำเสียงสั่น
ลูกสาวยังเผยว่า ไม่มีใครจากฝั่งคนขับแท็กซี่ติดต่อขอโทษ หรือชี้แจงใดๆ แม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ญาติรู้สึกเสียใจ และคาใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามครอบครัวไม่ได้ต้องการเอาผิดรุนแรง เพียงต้องการให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ใช้ถนนทุกคน
“เพียงแค่หลบข้างทาง เมื่อได้ยินไซเรน เหตุการณ์อาจไม่บานปลายเหมือนไม่กี่วินาทีที่หลบนั้นอาจช่วยชีวิตคุณพ่อได้” น.ส.เมย์ กล่าวทิ้งท้าย
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะทู้ อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องจากรถเอสบีเอสของ อบต.กมลา ตลอดจนกล้องวงจรปิดริมทาง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเรียกคนขับแท็กซี่มาสอบปากคำก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจะเดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่เคร่งครัดกฎจราจร คำนึงถึงความสำคัญของรถฉุกเฉินเป็นลำดับแรก เพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมซ้ำรอยในอนาคต
Advertisement