อย่างที่ใคร ๆ พร่ำบอกว่า สมัยนี้ ใครไม่ได้เห็นอะไรก็จะได้เห็น เช่นเดียวกับชีวิตนักกฎหมายหนุ่มที่เติบโตมาจากทนายอาสาว่าความฟรี "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด ในวัยย่าง 44 ปี คนกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เดิมทีแล้วเจ้าตัวไม่ได้มุ่งเรียนสายกฎหมาย เพราะจบปริญญาตรีใบแรกจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ใช้เวลาเรียน 3 ปี แล้วเทียบโอนเรียนต่ออีกปีครึ่งจนจบนิติศาสตร์ คว้าปริญญาอีกใบในรั้วพ่อขุน จากนั้นก็สอบเอาตั๋วทนายไปครองได้ไม่ยาก
"ทนายตั้ม" เริ่มเข้าสู่เส้นทางทนายความ ปี 2547 ก่อตั้งทีมงาน "ทนายประชาชน" สมัยนั้นยังไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไหร่ ต้องไปนั่งให้คำปรึกษาตามวัดวาอาราม ที่สาธารณะ ชมรมต่าง ๆ ซึ่งหากจะเปรียบกับสมัยนี้ก็คือ "ทนายความอาสา" ตลอด 10 ปี บนเส้นทางมีคดีความหลายคดีที่เขาว่าความให้ จนสังคมเริ่มรู้จักเขามากขึ้น
จากมหากาพย์คดีหวย 30 ล้าน ระหว่าง "หมวดจรูญ" กับ "ครูปรีชา" ที่เขาว่าความและต่อสู้ยืดเยื้อจนทำให้ "หมวดจรูญ"เป็นฝ่ายชนะคดีไปในที่สุด และนี่ก็อาจเรียกได้ว่า "ทนายตั้ม" เริ่มมีด้อม มีเอฟซีเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีมหากาพย์คดี "น้องชมพู่-ลุงพล" แห่งบ้านกกกอกอันโด่งดัง ซึ่งเขารับหน้าที่เป็นกุนซือให้กับ "ลุงพล-ป้าแต๋น" อีกด้วย
ปี 2564 ถ้ายังจำกันได้ เขาคนนี้เป็นมือแฉคลิปเด็ด อดีตผู้กำกับโจ้ คลุมถุงดำ รีดเงิน 2 ล้าน จากผู้ต้องหาคดียาเสพติดคา สภ.เมืองนครสวรรค์ และนั่นยิ่งทำให้เขาดูเป็นคนดีมีพาวเวอร์ เป็นทนายที่อยู่ข้างธรรมะมากกว่าอธรรม
นับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็เข้ามามีบทบาทในการทำคดีดัง ๆ หลายคดี และมักทำเรื่องกล้าได้กล้าเสีย แบบไม่เกรงกลัวใคร เช่น เป็นที่ปรึกษาแก๊งไฮโซบนเรือ คดีการเสียชีวิตปริศนาของอดีตดาราสาว "แตงโม นิดา" เปิดโปงพฤติกรรมฉาวของนักการเมืองพรรคเก่าแก่ที่ทำอนาจารสาวอายุ 17 แต่สุดท้ายศาลยกฟ้อง เพราะถือเป็นความผิดที่ยอมความกันได้ และผู้เสียหายเองก็ไม่ได้แจ้งความตามกำหนดเวลา
นอกจากนี้ เขายังเปิดหน้าชนกับ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" แฉปมจีนเทา สาดน้ำลายกันไปมาเหมือนละครฉากหนึ่ง ก่อนที่ทั้งคู่จะถอนฟ้องและหย่าศึกกันด้วยดี
เท่านี้แรงยังไม่หมด เมื่อเขาเดินหน้าแฉ "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. โดยอ้างเชื่อมโยงขบวนการส่วยแถมยังเอี่ยวฟอกเงินอีก งานนี้ทำเอาวงการกากี สั่นสะท้านขั้นสุด
แต่ระยะหลัง ๆ มานี้ สังคมเริ่มตั้งข้อสังเกต หรือแม้แต่วงการทนายความด้วยกันเอง ยังสงสัยว่า ทำไม "ทนายตั้ม" ถึงอยูดีกินดี ร่ำรวย ขับรถหรู บ้าแบรนด์เนม อวดรวยผ่านโลกโซเชียล ขนาดไม่ค่อยได้เห็นว่าความ แล้วเขาร่ำรวยจากอะไร?
"ทนายตั้ม" เคยไปออกรายการดังเมื่อไม่นานมานี้ ยอมรับว่า มีลูกความเศรษฐินีรายหนึ่งพำนักอยู่ต่างประเทศ ได้ว่าจ้างให้เขาดูแลธุรกิจในประเทศไทย โดยจ้างเป็นรายเดือน ๆ ละหลายแสนบาท แถมยังให้เงินก้อนโตอีก 2 ล้านยูโร ราว 71 ล้านบาท เพียงเพราะเหตุผลง่าย ๆ ให้ด้วยความรัก? ภายหลังสังคมเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว และทำให้รู้จัก "พี่อ้อย" จตุพร เลิศอุบล หญิงปากช่อง ซึ่งเธอผู้นี้เคยถูกลอตโต้ ได้รางวัลเป็นเงินไทยกว่า 5,700 ล้านบาท กินอยู่กับสามีที่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นบุคคลที่ "ทนายตั้ม" อ้างว่าให้ความสนิทสนมเขาแลพกับครอบครัวมาเป็นอย่างดี
ไม่นานฟ้าเปิด "สนธิ ลิ้มทองกุล" สื่อตัวเป้งแห่งเครือผู้จัดการ ออกมาเปิดโปงว่า "พี่อ้อย" ถูกทนายตั้มปั้นน้ำเป็นตัวว่าเงินก้อนที่ให้กว่า 71 ล้านบาทนั้น ให้โดยเสน่หา แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นเงินที่เขาชวน "พี่อ้อย" ลงทุนทำลอตเตอรี่ออนไลน์ แต่สุดท้ายก็ถูก "ทนายตั้ม" เทเชิดเงินหายไปกับตา จนถูกยกเลิกสัญญาจากผู้ว่าจ้าง
"ทนายตั้ม" จ้องเล่นงานแต่ระดับคนมีสี ชักธงรบชนิดที่ว่า ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่สุดท้ายมาพ่ายกรรมของตัวเอง จนถูกตำรวจตามจับได้พร้อมภรรยา เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ขณะขับรถหรูหลบหนีในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ในความผิดข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ด้านภรรยา ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน
จนเป็นที่มาให้สังคมรู้จักวลีที่ว่า "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ" หรือฉ้อโกงโดย "สันดาน" นั่นเอง
Advertisement