วันที่ 26 ธ.ค. 67 ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้นัดสืบพยานฝ่ายจำเลย คดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ในคดีที่แยกฟ้องออกจากคดีเดิมของ ปอ ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และโรเบิร์ต ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ ที่ให้การรับสารภาพไปก่อนแล้ว ส่วนคดีที่แยกฟ้องมีจำเลย 4 คน คือ แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ จ็อบ นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร นายภีม หรือเอ็ม ธรรมธีรศรี ซึ่งจำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ
วันนี้ฝ่ายจำเลยคดีที่ศาลนัดสืบพยานวันนี้ คือ กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ซึ่งได้เดินทางเข้าด้านหลัง พร้อมกับทนายความ และเดินทางเข้าขึ้นห้องพิจารณาคดีทันที ไม่ได้ผ่านมาทางสื่อมวลชนที่รอสังเกตการณ์อยู่บริเวณหน้าศาลแต่อย่างใด
ส่วนจำเลยคนอื่นๆ อีก 3 คนศาลได้สืบพยานไปก่อนหน้านี้แล้ว และมีเพียงทนายความที่เป็นตัวแทนมาเท่านั้น อย่างทนายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือ ทนายตุ๋ย ที่เป็นทนายของ แซน วิศาพัช แต่ไม่พบว่า แซนเดินทางมาด้วย
ก่อนขึ้นไปยังศาล ทนายเดชา กิตติวิยานันท์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นการนัดสืบพยานในส่วนของกระติก ก่อนจะนัดสืบพยานอีกครั้งในช่วงเดือน ม.ค. 2568 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนฟังคำพิพากษา ส่วนจำเลยคนอื่นๆ มีการสืบพยานไปก่อนหน้านี้เเล้ว โดยวันนี้จะมีคุณแม่ของแตงโมมาร่วมรับฟังการสืบพยานด้วย ส่วนรายละเอียดการสืบพยานในวันนี้ ศาลจะซักถามกระติกว่ามีส่วนร่วมในการประมาท เป็นเหตุให้เเตงโมตกเรือจนถึงเเก่ความตายหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาทั้งวัน เนื่องจากกระติกเป็นตัวละครที่มีบทบาทเยอะ
ส่วนประเด็นที่ นายอัฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม รวมถึงนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ที่ได้มีความพยายามยื่นขอให้รื้อคดี ตนเองได้พูดคุยกับตำรวจ และพนักงานอัยการแล้ว ในเเง่ของกฎหมายไม่สามารถรื้อได้ เนื่องจากอัยการได้สั่งฟ้องตามความเห็นของพนักงานสอบสวนทุกฐานความผิดเเล้ว จะรื้อได้ในกรณีเดียวคืออัยการสั่งไม่ฟ้อง และจำเลยขอให้รื้อ แต่ส่วนตัวมองว่าจำเลยคงไม่ขอให้รื้อเพราะได้ประโยชน์ อีกทั้งนาย ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส ก็ออกมาให้ความเห็นแล้วว่าไม่มีช่องทางในการรื้อคดี
โดยทนายเดชา ได้ฝากถึงแพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ว่า การจะออกมาพูด หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี ขอให้พูดให้สอดคล้องกับคำเบิกความในชั้นศาลของตัวเอง พร้อมกันนี้ ยังได้นำคำเบิกความต่อศาล ของหมอพรทิพย์ เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 67 ว่า "ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้กระทำ และสาเหตุของการตาย ข้าไม่สามารถให้ความเห็นได้ ข้าไม่สามารถมีบทบาทที่สามารถดูข้อเท็จจริง ข้าดูเพียงเเต่บาดเเผล และฆ่าไม่สามารถให้ความเห็นได้เนื่องจากเป็นความเห็นของแพทย์ผู้ร่วมชันสูตรพลิกศพ"
นอกจากนี้คำเบิกความของหมอพรทิพย์ "เชื่อว่าพลัดตกบริเวณส่วนหน้าของเรือ ไม่ใช่บริเวณส่วนท้ายของเรือ ผู้เชี่ยวชาญเเต่ละคนสามารถให้ความเห็นต่างกันได้ ซึ่งความเห็นของค่าอาจจะไม่ได้รับการยอมรับก็ได้" เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสำนวนของศาลครบเเล้ว ไม่มีตัดสิ่งใดทิ้งอย่างเเน่นอน นอกจากนี้หมอพรทิพย์ ยังเคยเบิกความที่ศาลจังหวัดนนทบุรีว่า "บาดแผลของผู้ตายไม่เข้ากับความเห็นของแพทย์นิติเวช และพนักงานสอบสวน" ซึ่งหมายความว่าหมอพรทิพย์ มีความคิดเห็นแตกต่างจากหมอของโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งไม่เชื่อว่าแตงโมนั้นโดนใบพัดเรือ ในคดีนี้มีหมอที่ร่วมเบิกความทั้งสิ้น 8 คน จาก 5 สถาบัน ประกอบด้วย โรงพยาบาลตำรวจ, นิติวิทยาศาตร์กระทรวงยุติธรรม , โรงพยาบาลรามาธิบดี , โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ , โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ , เเละหมอพรทิพย์ ซึ่งขอให้ไว้วางใจแพทย์ของรัฐจาก 5 หน่วยงาน การจะวิพากษ์วิจารณ์สิ่งใดก็ขอให้เกียรติหมอด้วย
ขณะที่ประเด็นที่นายอัจฉริยะ พยายามขอให้รื้อคดี ก็เป็นสิทธิ์ของนายอัจฉริยะ หากสามารถกระทำได้ในช่องทางใดก็ทำไป ตนเองเป็นกำลังใจให้ แต่ในทางกฎหมายไม่มีช่องทางในการรื้อคดีแน่นอน คดีมันจบไปแล้ว ส่วนสาเหตุที่นายอัจฉริยะ พยายามขอให้รื้อคดี เนื่องจากนายอัจฉริยะเพิ่งชนะคดีที่ถูกตำรวจ 21 นายฟ้องหมิ่นประมาท จึงนำคำพิพากษาดังกล่าวมาเป็นสารตั้งต้น ในการเริ่มรื้อคดีหากถามว่าสิ่งที่นายอัจฉริยะทำเป็นการเอาคืนตำรวจหรือไม่ ทนายเดชา ระบุว่า ตำรวจมองแบบนั้น และความรู้สึกส่วนตัว ตนเองอยู่ฝ่ายเดียวกับตำรวจ ก็มองเเบบเดียวกัน
ในส่วนของคุณแม่แตงโม ตนเองได้มีการพูดคุยแล้ว ไม่ได้มีความกังวลใดๆ เช่นกัน ใครจะรื้อคดีก็ได้ ไม่ขัดขวาง แต่คุณแม่ได้บอกกับตนว่า เคยใช้บริการนายอัจฉริยะแล้ว และพยานหลักฐานต่างๆที่นายอัจฉริยะพูดนั้นคุณแม่ก็เคยเห็นแล้ว ซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับพยานหลักฐานเมื่อ 2 ปีที่เเล้ว
อย่างไรก็ตามทนายเดชา ระบุว่า ในวันนี้ตนเองจะพยายามพูดคุยกับอัยการ เพื่อขอให้เลื่อนการซักพยานในวันนี้ออกไปก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้กับนายอัจฉริยะ ที่ได้ขอให้รื้อคดี เเล้วรอคำสั่งของอัยการสูงสุดว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ด้านนายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือ ทนายตุ๋ย ทนายความของแซน วิศาพัช วันนี้ได้เดินทางมาร่วมฟังการนัดสืบพยานของคุณกระติกด้วย
โดยบอกว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับคุณกระติกมาประมาณ 1 เดือน รวมถึงประเด็นที่ เป็นประเด็นในช่วงที่ผ่านมา ก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งส่วนตัวคุณกระติกนั้น มีทนายความส่วนตัวที่ดูแลคดีนี้อยู่แล้ว จึงไม่ได้สอบถามกันเรื่องคดี
ส่วนในการพิจารณาคดีของคุณแซนนั้นจะได้มีการพิจารณาลับหลัง ซึ่งแซนไม่จำเป็นต้องมารับฟังก็ได้ รอวันพิพากษาอย่างเดียว ซึ่งในทางคดี ส่วนตัวทนายตุ๋ย ไม่ได้มีความกังวล เพราะใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เหลือเพียงแต่วันนี้ที่มีการนัดสืบพยาน และอีกครั้งในวันที่ 19 ม.ค.ปีหน้า
ส่วนประเด็นเรื่องของการรื้อคดี ทนายตุ๋ย ก็ไม่ได้มีความกังวลเหมือนกัน เพราะเป็นหน้าที่ของสื่อหรือคนที่ออกมาเคลื่อนไหว ในการหาหลักฐานที่อยู่นอกนอกเหนือสำนวนออกมาต่อสู้ แต่ถ้าหลักฐานชิ้นไหนสามารถเข้ามาอยู่ในสำนวนได้ ก็เป็นเรื่องดี แต่ก็ขอให้เป็นหลักฐานที่สอดคล้องกับความจริงด้วย ซึ่งล่าสุดเมื่อวานนี้เพิ่งได้คุยกับแซน ก็ไม่มีความกังวลกับเรื่องนี้ เพราะคุณแซนพูดไปตั้งแต่วันแรก และเหมือนเดิมทุกอย่าง ซึ่งการเบิกความครั้งที่ผ่านมาก็เบิกตามข้อเท็จจริงที่แซนเคยให้ข่าวกับสื่อมวลชน
ทนายตุ๋ย ยังบอกอีกว่า ที่ผ่านมาตำรวจเข้มข้นกับการทำสำนวน ทั้งกดดันและเค้นสอบจำเลย ทั้ง 5 คนบนเรือเพื่อให้ได้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ชัดเจนมากที่สุดก่อนจะเข้าสู่กระบวนการของศาลด้วยซ้ำ โดยคาดว่า ศาลน่าจะมีการนัดพิพากษาในช่วงหลังสงกรานต์
ต่อมาฝ่ายโจทก์ คือ คุณแม่พนิดา แม่ของแตงโม ได้เดินทางมาถึงที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถาม แม่พนิดา บอกว่า จะขอขึ้นไปห้องพิจารณาคดีก่อนแล้วจะลงมาให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยมีรายงานว่าคุณแม่ลืมวันสืบพยานในวันนี้ ทำให้เดินทางมาถึงศาลหลังเริ่มการสืบพยานไปเกือบ 1 ชั่วโมง
ต่อมานายวิศาพัช มโนมัยรัต หรือ แซน เดินทางโดยรถตู้สีขาวมารับฟังการสืบพยานที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ในคดีแตงโม นิดา โดยก่อนเข้าห้องพิจารณาคดี แซน วิศาพัชให้สัมภาษณ์ว่า มาให้กำลังใจกระติก พร้อมบอกวัตถุประสงค์ว่าต้องการมาพบสื่อมวลชนมากกว่า เนื่องจากมีหลายเรื่องที่ตนอยากจะชี้แจง เพราะมีนักร้องเรียนบางคนออกมาสร้างคอนเทนต์พยายามจะรื้อคดีขึ้นมาใหม่ ทำตัวเหมือนเด็กขี้ฟ้อง ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าบุคคลเหล่านั้นต้องการอะไร
เมื่อถามว่า ตอนนี้ถูกใครตบทรัพย์อยู่หรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า ยังไม่มีใครติดต่อมาเรียกเงิน แต่ความรู้สึกส่วนตัวเหมือนตัวเองกำลังจะถูกตบทรัพย์ ยกตัวอย่างคดีดิไอคอนกรุ๊ป ที่มีเหล่าบรรดาบอสถูกนักร้องเรียนบางคนตบทรัพย์ ตนจึงไม่แน่ใจว่าคนเที่ยวมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เดียวกันหรือไม่
นอกจากนี้ นายแซน ยังกล่าวถึงกรณีที่มีคนออกมาพูดว่ามีการสลับเรือ หรือ แม้กระทั่งเรื่องศพทวนน้ำ ตนอยากทราบว่าใครเป็นคนคิดคอนเทนต์นี้ เอาอะไรคิด พร้อมทั้งระบุว่า “ศพไม่ใช่ปลาแซลมอนที่จะว่ายทวนน้ำได้ ซึ่งตนอยากให้มองภาพความเป็นจริงว่า แม่น้ำเจ้าพระยาค่อนข้างกว้างใหญ่ และในช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงกลางคืนความมืด ตนจึงไม่สามารถจดจำจุดที่ตกเรือที่แน่ชัด
ส่วนกรณีที่นักร้องเรียนระบุว่า มีคลิปหลักฐานเด็ด ตนก็รอคลิปหลักฐานนี้มานานแล้วเช่นกัน หากมีก็ให้ออกมาเปิด สังคมจะได้กระจ่างว่าเกิดอะไร จุดไหนของเรือ ส่วนตัวตนไม่ทราบว่าคนที่อ้างว่ามีคลิปนั้นนั่งอยู่ส่วนไหนของเรือในวันเกิดเหตุ แต่ว่าคลิปที่นักร้องเรียนคนนี้อ้างว่ามี ก็ไม่ได้ถูกนำมาอยู่ในสำนวนคดีแตงโม แต่ไปอยู่ในคดีหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน
ส่วนประเด็นที่มีหมอท่านหนึ่งออกมาเปิดเผยข้อมูลในคดี โดยอ้างว่าถูกตัดออกจากคดี ตนก็ไม่ทราบว่าหมอท่านนี้อยู่ส่วนไหนของคดีตั้งแต่แรก และคดีนี้หมอที่ให้ความเห็น และเบิกความในชั้นศาล เป็นหมอที่อยู่ใน 5 สถาบันที่มีชื่อเสียง ประกอบด้วย นิติเวชโรงพยาบาล ตำรวจ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถ้าจะบอกว่าสถาบันเหล่านี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ เป็นไปได้หรือไม่
หากถามว่าจะมีการฟ้องร้องนักร้องเรียนหรือไม่ ส่วนตัวนายแซน ระบุว่า ไม่อยากขึ้นศาลแล้ว ถ้าจบคดีนี้ก็จะไม่มาศาลอีกแล้ว อยากอยู่เงียบๆ ดีกว่า เพราะที่ผ่านมาถูกทัวร์ลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนก็อยากจะฝากถึงคนที่วิพากษ์วิจารณ์หรือทัวร์ที่มาลงตนอยู่ในขณะนี้ว่าการรับฟังสิ่งใดใช้หูฟังอย่างเดียวไม่ได้
นอกจากนี้ ยังฝากไปถึงคนที่บูลลี่ตนเรื่องเพศ มีการใช้คำว่า “นาย” ขอให้หยุดบูลลี่ เพราะสภาพตนไม่ใช่หัวโปก ให้คนที่บูลลี่ดูตัวเองก่อน เพราะปัจจุบันสังคมเปิดกว้างในเรื่องนี้มีทั้งกฎหมายคู่ชีวิต และสมรสเท่าเทียม ดังนั้นขอให้ให้เกียรติกันด้วย
Advertisement