วันที่ 27 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเหตุเพลิงไหม้ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียน พื้นที่เขตเทศบาลตำบลโกรกพระ อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง และเหตุดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 รายคือ
นายพลจักร ทับสุข อายุ 51 ปี นางเรือน ทองทับสุข อายุ 46 ปี และนายกร วิศวะทับสุข อายุ 17 ปี ทั้งหมดเป็นพ่อแม่ลูกครอบครัวเดียวกัน ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นทางตำรวจคาดว่ามาจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจรน์หลักฐานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว พบว่าต้นเพลิงน่าจะเกิดขึ้นจากคัตเอาท์แผงควบคุมไฟฟ้าที่อยู่หน้าห้องนอนบนชั้นลอย
ล่าสุดวันที่ 27 ธ.ค. 67 ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง และได้พบกับเจ้าของร้านขายข้าวมันไก่แบบรถเข็นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านที่เกิดเหตุให้ข้อมูลว่า นายพลจักร หนึ่งในผู้เสียชีวิต มักจะมาสั่งซื้อข้าวมันไก่ที่ร้านตนเป็นประจำ โดยมักจะชอบยืนเรียกอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านของตนเอง พร้อมกับยกนิ้วส่งสัญญาณระบุจำนวนการสั่งว่าเอากี่กล่อง
ส่วนเท่าที่คุยกันครอบครัวนี้ เขาอัธยาศัยดี และล่าสุดก็เพิ่งจะคุยกันว่าช่วงปีใหม่เขาจะพาภรรยาและครอบครัวกลับไปเที่ยวบ้านเกิดของภรรยาที่ จ.ลำปาง เพื่อเยี่ยมพ่อแม่ของเขา จนกระทั่งเช้าวันนี้มาเปิดร้านตามปกติ ก็ต้องตกใจ เมื่อมีตำรวจมากันเต็มบ้านของผู้ตาย และทราบว่าเกิดเหตุไฟไหม้ ทำให้ครอบครัวนี้เสียชีวิตทั้งหมด มันทำให้ตนตกใจจนแทบช็อก
ต่อมาเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดยางตาลในพื้นที่ ต.ยางตาล อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพของ 3 พ่อแม่ลูกที่ถูกไฟคลอกเสียชีวิตคาที่นอนภายในร้าน และพบว่าศพทั้ง 3 รายได้ถูกเคลื่อนย้ายมาที่วัดในช่วงเวลา 16.00 น. โดยมีบิดา และมารดาของนายพลจักร หนึ่งในผู้เสียชีวิตมารอรับศพที่ศาลาวัดในสภาพสีหน้าโศกเศร้าเสียใจ และภายในศาลาวัดดังกล่าว ผู้สื่อข่าวยังได้พบกับนางกัญญารัตน์ ทับสุข อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย
นางกัญญารัตน์ เปิดเผยว่า ตนไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯนานหลายปีแล้ว และนานๆจะกลับบ้านสักครั้ง เนื่องจากงานที่ทำเป็นงานครัวทำอาหาร ที่ต้องทำเกือบจะทุกวัน จึงทำให้ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ส่วนวันเกิดเหตุไม่ทราบเลย และเพิ่งจะมารู้เรื่องเมื่อตอนเช้ามืด เมื่อมีเพื่อนสมัยเรียนโทรศัพท์มาบอกว่าที่บ้านเกิดไฟไหม้ ทำให้พ่อแม่และน้องชายของตนเสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าช็อกมาก จนแทบทำอะไรไม่ถูก และคิดได้อย่างเดียวว่าต้องรีบกลับมาบ้านให้ไวที่สุด เมื่อกลับมาถึงก็ได้เดินทางไปพบกับพนักงานสอบสวน เพื่อสอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเสียใจมาก เพราะต่อไปนี้จะไม่มีพ่อแม่และน้องอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่รู้สึกติดใจสาเหตุการเกิดไปไหม้และเสียชีวิต
นางกัญญารัตน์ ระบุว่า ความเสียหายภายในบ้านเท่าที่ตรวจสอบดูแทบไม่เหลือทรัพย์สินอะไรเลย แม้แต่เงินที่พ่อแม่เก็บไว้หลายหมื่นบาทอยู่ในกระเป๋าสตางค์ก็ถูกไฟเผาจนเสียหาย ซึ่งตำรวจได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานให้ดูหมด มีเพียงรูปของสภาพศพเท่านั้นที่ตนยังไม่เห็น และก็ไม่อยากเห็นด้วย เพราะกลัวจะสะเทือนใจหนัก
ส่วนการสอบถามบรรดาเพื่อนบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์เขาระบุว่าได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นมาก่อนจะมีไฟลุกไหม้ ก่อนที่ตำรวจจะให้ข้อมูลระว่าพบศพพ่อกับแม่เสียชีวิตอยู่บนที่นอน ในสภาพร่างไหม้เกรียม ส่วนศพของน้องชายร่างก็ไหม้เกรียมเช่นกัน แต่ร่างอยู่ที่บริเวณประตูทางออก ซึ่งเขาสันนิษฐานว่าพ่อกับแม่น่าจะไม่รู้ว่ามีเหตุไฟไหม้ แต่ในส่วนของน้องชายน่าจะรู้ตัว และพยายามจะหลบหนีออกมา แต่ออกมาจากห้องนอนไม่ได้ คาดว่าตอนนั้นไฟที่โหมลุกไหม้ น่าจะพีกสุดๆ จนไม่เหลือทางหนีแล้ว
ทั้งนี้ศพ 3 พ่อแม่ลูกที่ถูกไฟคลอกจะมีการจัดพิธีสวดพระอภิธรรมร่วมกันที่ศาลาวัดยางตาย เป็นเวลา 3 วัน ก่อนที่วันที่ 30 ธ.ค. จะมีการทำพิธีฌาปนกิจศพ ซึ่งนางกัญญารัตน์ ระบุว่า จะกลับไปทำงานที่เมืองกรุงอีกสักระยะหนึ่งก่อนจะกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด และทำอาชีพค้าขายต่อไป
Advertisement