จากกรณีเครื่องบิน สายการบิน Jeju Air บรรทุกผู้โดยสารจำนวน 175 คน และลูกเรือ 6 คน ออกเดินทางจากประเทศไทย ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเมือง Muan ของเกาหลีใต้ เกิดเหตุล้อไม่กาง ทำให้เครื่องบินเสียหลักไถลไปชนรั้ว ก่อนเครื่องจะระเบิด และไฟไหม้ในเวลาต่อมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเกือบยกลำ โดยมีคนไทย 2 คน รวมอยู่ด้วย ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ต่อมาวันที่ 30 ธ.ค. 67 กระทรวงคมนาคมของเกาหลีใต้ แถลงว่า เจ้าหน้าที่หน่วยสอบสวนของกระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ แถลงความคืบหน้าล่าสุดของ โศกนาฏกรรมเครื่องบินเจจู แอร์ ที่ประสบเหตุไถลออกนอกรันเวย์ไปชนกับรั้วของท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน ในจังหวัดชอลลาใต้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 179 ศพ มีผู้รอดชีวิตเป็นลูกเรือ 2 ราย
โดยระบุว่า พบกล่องดำ ทั้ง 2 กล่อง ได้แก่ "FDR" (Flight Data Recorder) ที่บันทึกข้อมูลการบิน ไม่ว่าจะเป็นระดับความสูง ความเร็วอากาศ และทิศทาง และ "CVR" (Cockpit Voice Recorder) บันทึกการส่งสัญญาณวิทยุและเสียงในห้องนักบิน ของเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 เที่ยวบินที่ 7C2216 แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งกู้อุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินและเสียงสนทนาระหว่างทำการบินแล้ว เพื่อสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
รายงานของสำนักข่าวยอนฮับ ระบุว่า โดยปกติแล้วการถอดรหัสอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินเพียงอย่างเดียวอาจต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจะระบุสาเหตุที่แน่ชัดของอุบัติเหตุทางการบินที่มีความเสียหายร้ายแรงระดับนี้ต้องใช้เวลาหลายเดือน แต่พบว่าหนึ่งในสองกล่องดำของเครื่องบินลำนี้ได้รับความเสียหายหนักบางส่วน ทำให้ในกรณีนี้อาจทำให้เกิดความล่าช้ามากขึ้นได้
โดยเจ้าหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนกล่าวว่า กล่องดำอาจต้องถูกส่งไปยังคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติ ของสหรัฐฯเพื่อถอดรหัส ซึ่งในกรณีนี้กระบวนการนี้อาจใช้เวลานานอย่างน้อย 6 เดือน
ทั้งนี้ กล่องดำ "FDR" และ "CVR" จะทนต่อแรงกระแทกที่มากกว่าแรงโน้มถ่วงของโลกถึง 3,400 เท่า และอุณหภูมิสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส โดยจะอุปกรณ์นี้จะถูกติดตั้งไว้ที่ส่วนท้ายเครื่องบิน เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ
Advertisement