วันที่ 31 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นาย สมศักดิ์ อาศรัยเจ้า อายุ 75 ปี ข้าราชการบำนาญ และอดีตเกษตรจังหวัดนครราชสีมา เมาแล้วขับรถพุ่งชน ร.ต.ท.วิมุตต์ แทนสุโพธิ์ รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา ที่กำลังเดินทางไปอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้เด็กนักเรียนที่กำลังเลิกเรียน และข้ามถนน จนเสียชีวิตคาที่ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 67 ที่บริเวณหน้าโรงเรียนดอนขวาง ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา
ซึ่งเหตุการณ์นี้ มีเด็กนักเรียนและผู้ปกครองได้รับบาดเจ็บ รวม 11 คน โดยผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ที่อาการปลอดภัย เหลือผู้บาดเจ็บ 2 ราย ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ได้แก่ ด.ญ.กัญญาภัทร ฝอยจะบก อายุ 10 ปี ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก อาการปลอดภัยแล้ว รักษาตัวอยู่ที่ชั้น 4 ห้องศัลยกรรมเด็กและผู้หญิง อาคารผู้ป่วย 8 ชั้น กับ ด.ช.อัษฎาวุธ ผิวสวย อายุ 5 ปี 8 เดือน ที่อาการโคม่า กะโหลกศีรษะแตก มีเลือดคลั่งในสมอง เนื่องจากได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แพทย์ต้องผ่าตัดแกนสมองและรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู ชั้น 6 อาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน) รพ.มหาราชนครราชสีมา ก่อนที่เมื่อวานนี้ 30 ธ.ค. 67 ด.ช.อัษฎาวุธจะเสียชีวิตลงเมื่อเวลา 11.25 น.
ล่าสุดวันนี้ (31 ธ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 118 หมู่ 3 ต.มะเริง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านของด.ช.อัษฎาวุธ ได้พูดคุยกับทางนายประเสริฐ ผิวสวย อายุ 40 ปี พ่อของด.ช.อัษฎาวุธ
นายประเสริฐ กล่าวว่า ครอบครัวของตนนั้นยังคงทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ได้ เพราะนอกจากจะสูญเสียลูกชายไปแล้ว ทางนางเพียงใจ สุขมารมย์ ภรรยาของตนนั้นก็ได้รับบาดเจ็บหนักจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ออกจากโรงพยาบาลและมารักษาตัวที่บ้านแล้ว ซึ่งในระหว่างที่ภรรยาและลูกของตนนั้นนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทางคู่กรณีก็ได้มีการส่งตัวแทนมามองกระเช้า เพื่อแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับมอบเงินสดให้อีก 1 หมื่นบาท แต่สิ่งที่ทางคู่กรณีนั้นนำมามอบให้นั้นคงไม่เพียงพอต่อความสูญเสียที่ครอบครัวตนได้รับ
และอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ตนและครอบครัวรู้สึกสะเทือนใจ ก็คือการจะต้องบอกกับภรรยาว่าได้สูญเสียลูกไปแล้ว โดยก่อนหน้านั้นหลังจากเกิดอุบัติเหตุลูกของตนนั้นก็ไปรักษาตัวอยู่ที่ รพ.มหาราชฯ ส่วนภรรยานั้นอาการสาหัสเช่นกัน ก่อนถูกส่งตัวไปรักษาอีกโรงพยาลอีกแห่งหนึ่ง โดยในระหว่างการรักษานั้นทางภรรยาของตนพอได้สติก็ถามหาลูกตลอด ซึ่งตนและญาติก็ต้องโกหกตลอดเวลาว่าน้องยังปลอดภัยดี เพราะไม่กล้าบอกความจริง เนื่องจากกลัวอาการของภรรยาจะทรุดหนัก จนกระทั่งเมื่อวานนี้หลังจากที่ภรรยาออกจาก รพ. ตนและทางครอบครัวและญาติได้รวมตัวกันและบอกกับทางภรรยาว่าได้สูญเสียลูกไปแล้ว
หลังจากทราบเรื่อง ภรรยาของตนก็ร้องไห้ออกมาตลอดเวลา เพราะทำใจไม่ได้กับการสูญเสียลูกชายในครั้งนี้ ซึ่งตนอยากฝากไปยังคู่กรณีที่เมาแล้วขับว่าให้รับผิดชอบกับการกระทำที่ทำขึ้นให้มากกว่านี้ ส่วนจะมาร่วมงานศพ และขอขมาทางครอบครัวนั้น ตนคงต้องพูดคุยกับกับทางญาติๆ ก่อนว่าพร้อมหรือไม่ เพราะยังคงทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ทางด้านนายกิตติพงษ์ สุขมารมย์ อายุ 31 ปี ลูกแท้ๆ ของนางเพียงใจที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เมาแล้วขับเช่นกัน บอกว่า ในวันเกิดเหตุนั้นแม่ออกไปรับน้องที่หน้าโรงเรียน ก่อนที่จะถูกรถคู่กรณีชนจนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะมีเลือดคั่งในสมอง และกระดูกขาซ้ายร้าว และหมดสติก่อนที่จะถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งหลังจากการรักษา ตนได้สติแล้วนั้น ทางแม่ของตนนั้นก็ถามหาน้องตลอดว่าอาการน้องเป็นยังไงบ้าง ซึ่งตน พ่อเลี้ยง และญาติก็ต้องโกหกว่าหายดีแล้วไม่เป็นอะไรมาก จนกระทั่งแม่ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ จึงได้มีการรวมตัวกัน และบอกกับแม่ว่าน้องจากไปแล้ว ซึ่งหลังจากที่แม่รู้ก็ปล่อยโฮออกมาเลย
สำหรับคู่กรณีนั้น ตนคิดว่าใจดำมากเลย เนื่องจากในช่วงหลังเกิดเหตุนั้นมาเยี่ยมเพียงครั้งเดียว พร้อมกับพูดแสดงความเสียใจ และยังเป็นการส่งตัวแทนมาอีก เพราะตั้งแต่เกิดเหตุนั้นก็มาเยี่ยมเพียงครั้งเดียว แล้วก็หายหน้าไปเลย ที่จริงแล้วคู่กรณีควรจะหมั่นมาเยี่ยมมาหา มาถามข่าวกับทางผู้เสียหายให้มากกว่านี้ สำหรับคู่กรณีถ้าอยากมาขอขมากับแม่ และมาร่วมงานศพนั้น ตนก็ยิน ดีแต่ถ้าถามว่าให้อภัยหรือไม่ ตอนนี้คงตอบยาก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันหนักเกินไป
ทั้งนี้ทางครอบครัวจะนำร่างของด.ช.อัษฎาวุธไปประกอบพิธีทางศาสนาในวันที่ 2 มกราคม 2568 ที่วัดบ้านพระ ต.มะเริง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
Advertisement