จากกรณี พ่อเมาสติหลุดคว้าเคียวฟันหัวลูกชายตัวเองดับที่ จ.กระบี่ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดโคกเคี่ยม หมู่ 2 ต.ห้วยยูง สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพนายเฉลิมพล ผู้เสียชีวิต โดยไปพบกับ น.ส.ธิดารัตน์ สุขเมตตา หรือ แพร อายุ 29 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต ซึ่งยังอยู่ในอาการโศกเศร้า จากการสูญเสียคนรักในคืนเคานต์ดาวน์
โดยญาตินำร่างของนายเฉลิมพลมาทำพิธีรดน้ำศพ ท่ามกลางความโศกเศร้าของบรรดาญาติ และเพื่อนบ้าน ซึ่งทางญาติกำหนดจะทำพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 6 ม.ค.นี้
น.สซ.ธิดารัตน์ เล่านาทีสามีถูกพ่อผัวฟันว่า ตนกับสามีแต่งงานอยู่กินกันมา 13 ปี มีลูกชายด้วยกัน 2 คน คนโตอายุ 8 ปี คนเล็กอายุ 5 ปี ช่วงก่อนเกิดเหตุสามีรวมทั้งตนเองลูกอีก 2 คน แม่ยายและญาติๆ กำลังทำอาหารกินกันอย่างสนุกสนานในคืนส่งท้ายปีเก่า จังหวะนั้นพ่อก็มาร่วมวงในสภาพเมา ลูกชายตนวัย 8 ขวบ ก็พูดกับพ่อว่า “ถ้าปู่เมาก็กลับไปนอน”เพียงแค่นั้นปู่ก็โมโหฉุนเฉียวขึ้นมาทันที
จากนั้นก็คว้าแก้วเหล้าขว้างใส่หลานตัวเอง สามีตนเห็นเข้าก็พูดว่าทำแบบนั้นทำไม ถ้าทำนิสัยแบบนี้ก็กลับบ้านไปเถอะ ฝ่ายพ่อก็พูดว่ามึงจะเอาเหรอ สามีตนก็โมโหขึ้นมาเหมือนกัน เพราะปกตินิสัยเป็นคนปากร้าย แต่ใจดี สามีก็พูดไปว่าก็เข้ามา แต่ตัวสามีก็ไม่ได้จะวิ่งเข้าไปทำร้ายพ่อแต่อย่างใด และไม่คิดด้วยว่าพ่อจะทำร้าย แต่พ่อก็คว้ามีดเคียวขึ้นมาฟันใส่สามีโดยไม่ได้ตั้งตัว หลังถูกฟัน สามียังวิ่งเข้ามาหาตนบอกกับตนว่า “แพรกูรักมึง ดูแลลูกด้วยนะ” จากนั้นทุกคนต่างตกใจก็รีบพาสามีขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาลตลอด ทางสามีจับมือแน่นตนก็บอกให้สู้ แต่สุดท้ายก็สิ้นใจไป
โดยส่วนตัวสามีเป็นคนปากร้าย แต่ใจดี เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงทำมาหากินที่บ้าน เหล้าไม่ดื่ม ยาไม่สูบ แม้แต่วันเกิดเหตุก็ไม่ได้ดื่มเหล้าแม้แต่แก้วเดียว ที่ผ่านมาไม่เคยคิดจะทำร้ายพ่อหรืออะไรเลย กลับเป็นฝ่ายพ่อที่ด่าว่าสามีเกือบทุกวัน จนช่วงหนึ่งพ่อไปมีเมียน้อยออกจากบ้านไปอยู่กับเมียน้อย จนสุดท้ายจะกลับมาอยู่บ้าน สามีตนก็ไม่ได้ว่าอะไร และบอกตนว่ายังไงก็เป็นพ่อ
ช่วงที่สามีเริ่มทำธุรกิจรับซื้อน้ำยาง พ่อก็ชอบไปพูดกับชาวบ้านว่าอย่ามาขายน้ำยางกับสามีตนเอง ก็ไม่เข้าใจว่าพ่อมองสามีเป็นลูกหรือเปล่า ก่อนนี้ก็ไปให้ข้อมูลว่าสามีเคยไล่ยิง ซึ่งตนยืนยันว่าสามีแม้จะเป็นคนอารมณ์ร้อนปากร้าย แต่ไม่เคยมีอาวุธปืน เคยมีก็แค่ปืนบีบีกัน จึงไม่เข้าใจว่าพ่อไปพูดแบบนั้นได้อย่างไร
ส่วนเรื่องกุ้งวันเกิดเหตุ ตนก็เป็นคนทำให้พ่อกิน ไม่มีใครห้ามพ่อไม่ให้กิน จึงไม่เข้าใจว่าพ่อพูดไปแบบนั้นได้อย่างไร หรือพูดไปเพราะความเมา ซึ่งปกติพ่อจะเป็นคนดื่มเหล้าเมาแบบนี้ทุกวัน หากพูดถึงพ่อได้ก็อยากถามว่าความรู้สึกพ่อที่ทำไปตอนนั้นต่อหน้าหลานๆ พ่อเคยคิดบ้างไหมว่า หากลูกตัวเองเป็นอะไรไปหลานๆ จะอยู่กันอย่างไร แล้วคนที่พ่อทำมันเป็นลูกพ่อหรือเปล่า
ส่วนของตัวผู้ก่อเหตุล่าสุดตำรวจยังคุมตัวอยู่ที่ สภ.เหนือคลอง โดยต้องรอประสานทนายความอาสา เพื่อมาร่วมสอบปากคำ โดยพบว่าเจ้าตัวเริ่มมีสติ และนั่งเงียบอยู่ภายในห้องขัง คาดว่าตำรวจจะเร่งสอบปากคำ และส่งฝากขังในวันพรุ่งนี้
Advertisement