กรณีหนุ่มไบค์เกอร์ขี่ฮาร์เล่ย์ฯ สุดเถื่อนเลือดร้อน ขับรถปาดหน้ากับรถยนต์ SUV สีขาว ไม่พอใจลงมาชกต่อยกันกลางถนนคันคลองชลประทาน แต่หนุ่มฮาร์เล่ย์ฯสู้ไม่ได้ชักมีดจ้วงแทงหนุ่มขับรถยนต์ที่คอจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนซิ่งรถฮาเล่ย์หลบหนีไป โดยไม่แคร์สายตาคนที่ใช้ถนนผ่านไปมา ต่อทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือนายบุรณ์พิภพ สุกใส อายุ 40 ปี ขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ สีขาว หมายทะเบียน จย 5702 เชียงใหม่ เป็นแกร็บคาร์
ทีมข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุริมถนนคลองชลประทาน ก่อนถึงแยกหน่องฮ่อมุ่งหน้าไปอำเภอแม่ริม หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง(ภูเก็ตซีฟู้ด) ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ คราบเลือดนายบุรณ์พิภพ ผู้บาดเจ็บยังกองอยู่ที่พื้น พบเศษดินทรายโรยกลบคราบเลือดกันผู้ใช้รถใช้ถนนเหยียบแล้วลื่นล้มได้ ส่วนวงจรปิดของตำรวจส่องไม่ถึงจุดเกิดเหตุ แต่มีคลิปที่พลเมืองดีถ่ายไว้หลายมุม และมีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ตนจนจบ
โดยนายลำเนา และนายสนอง (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ชาวบ้านทั้งสองคนเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้มีการตัดหน้ากัน แต่บริเวณจุดเกิดเหตุเห็นฮาร์เล่ย์ฯ มาจอดด้านหน้ารถเก๋ง ก่อนที่จะมาเรียกให้รถเก๋งลงจากรถ ตะโกนท้าทาย ก่อนทั้งคู่กระทบไหล่กัน หลังจากนั้นคนขี่รถฮาร์เล่ย์ฯ เรียกให้คนขับรถเก๋งเดินไปท้ายรถท้าทาย ก่อนที่จะชกต่อยกัน หลังจากชกต่อยกันท้ายรถเสร็จคนขี่รถฮาร์เล่ย์ฯ เดินนำหน้าไปที่รถของตัวเอง ซึ่งจอดอยู่บริเวณด้านหน้ารถเก๋ง สวมเสื้อและสวมหมวกกันน็อกเหมือนจะแยกย้าย แต่ก็พบว่ามีการเรียกคนขับรถเก๋งเข้าไปหาอีกรอบ แต่ไม่จบปรากฏว่า คนขี่ฮาเล่ย์ฯ ชักมีดมาแทงที่คอ ซึ่งช่วงจังหวะนี้ตนเองเห็นแต่ว่ารุ่นน้องเองก็ไม่ได้ถ่ายคลิปในช่วงนี้ไว้แล้วเพราะคิดว่าจบแล้ว
จากเหตุการณ์ทั้งหมดตนเองเห็นคนขี่รถฮาร์เล่ย์ฯ เดินเซ ค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะมีอาการมึนเมา และในตอนที่ต่อยกันเขาสู้แกร็บไม่ได้เลย
โดยหลังจากเกิดเหตุเมื่อพวกตนเห็นว่าคนขับรถเก๋งถูกแทงจึงวิ่งเข้าไปช่วยจับ ถอดเสื้อหนึ่งตัวห้ามเลือกเอาไว้ ก่อนมีกู้ชีพเคลื่อนที่เร็ว (จยย.) ขี่รถมาช่วยก่อน ซึ่งทางคนขับรถเก๋งสติดี ใจแข็ง พร้อมบอกกับพวกตนว่าเขาถูกรถจักรยานยนต์ฮาร์เล่ย์ฯปาดหน้าและท้าทายชกต่อย
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกตนมองว่าคนเราชกต่อยกันแล้วก็จบไม่น่าก่อเหตุแทงกันแบบนี้หรือแม้แต่สู้เขาไม่ได้ก็ควรหลบหลีกแยกย้ายกันออกไปแทงกันแบบนี้ไม่ถูกต้อง
ขณะที่ทางครอบครัวไม่สบายใจ หลังเข้าพบพนักงานสอบสวนไม่ถึงชั่วโมง โดยนางสาวธัญญรัตน์ ปัญญาทิ อายุ 34 ปี แฟนสาว และครอบครัวของนายบุรณ์พิภพ ผู้บาดเจ็บได้ออกจากห้องพนักงานสอบสวน ด้วยสีหน้ากังวลใจหลังเข้าไปเพื่อจะแจ้งความเพิ่มใช้เวลาคุยพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชม.
นางสาวธัญญรัตน์ บอกทีมข่าวว่า ครอบครัวหวั่นใจมาก กลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งการเดินทางมาสถานีตำรวจวันนี้ ต้องการขอแจ้งความเพิ่มแต่ทางพนักงานสอบสวนไม่ให้แจ้ง บอกว่าขอรอผลแพทย์สรุปว่าแฟนหนุ่มมีอาการสาหัสขนาดไหนจึงจะมีการเพิ่มข้อกล่าวหาเข้าไปในสำนวน
ส่วนเรื่องปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ตนเองได้ท้วงติงกับพนักงานสอบสวนทางพนักงานสอบสวนยืนยันว่า ทำการตรวจแล้ว แต่ค่าแอลกอฮอล์เป็นศูนย์ ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตนเองคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องได้รับคำตอบแบบนี้ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าตรวจแล้วหรือยัง หรือยังไม่ได้ตรวจ แต่ในเมื่อตำรวจอ้างว่าตรวจแล้ว ก็ต้องยอมรับ
ขณะเดียวกันได้แจ้งความประสงค์ขอเจรจากับผู้ก่อเหตุ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนบอกว่าได้ติดต่อผู้ก่อเหตุแล้ว เขาบอกว่ายังไม่พร้อม ที่จะเจอ
ซึ่งทั้งหมดทำให้ตนเองและคนในครอบครัวติดใจ จึงคิดว่าจะกลับเข้าไปพบแพทย์ผู้รักษาให้เร่งนำผลชันสูตรบาดแผลและจะเร่งเข้ามาดำเนินการแจ้งความเพิ่ม ครอบครัวจะได้สบายใจด้วย เพราะหลังจากนี้เราไม่รู้ว่าจะได้เจอคู่กรณีหรือไม่ ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ เพราะขณะนี้ยังอ้างว่าไม่พร้อมที่จะเจอเป็นลักษณะหลบหลีก
จึงอยากฝากไปถึงคู่กรณีสิ่งเดียวที่ครอบครัวต้องการคือเข้ามาคุยกันอย่าลืมว่าคุณต้องเยียวยาเรา เราเป็นฝ่ายเสียหายทางครอบครัวขอแค่นี้และอย่าลืมว่าค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นแม้เราประกันแต่ก็มีส่วนต่าง ครอบครัวต้องแบกภาระดูแลคนเจ็บ ขอแค่มาคุยกับเรา ทำไมต้องหลบเรา เราก็ร้อนใจ ทุกครั้งเราเป็นฝ่ายมารอคุณตลอด แต่คุณไม่ติดต่อและไม่มาพบกันเลย หรือแม้แต่คำขอโทษต่อหน้าก็ยังไม่มี ตั้งคำถามคุณจะเอายังไง
Advertisement