Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ศาลอุทธรณ์ สั่งคุก ส.ต.ท. ฆ่า พี่เตี้ย มช. 16 เดือน ชดใช้เงินอีก 1 แสน

ศาลอุทธรณ์ สั่งคุก ส.ต.ท. ฆ่า พี่เตี้ย มช. 16 เดือน ชดใช้เงินอีก 1 แสน

13 ม.ค. 68
13:00 น.
|
677
แชร์

แฟนคลับเฮ! ศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุก ส.ต.ท. ฆ่าหมา พี่เตี้ย มช. 16 เดือน ชดใช้เงินอีก 1 แสน ลั่นเจ้าเตี้ยได้รับความยุติธรรมแล้ว

วันที่ 13 ม.ค. 68 ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ น.ส.สบันงา นนธะระ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ พร้อมด้วย น.ส.ทิวากร ศิริรัตน์ ทีมแอดมินเฟซบุ๊กเพจ "เตี้ย มช." และคณะ ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ชั้นอุทธรณ์ คดีฆ่าสุนัข "เตี้ย มช." 

โดยมีแฟนคลับของพี่เตี้ยเดินทางมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก แฟนคลับบางรายนำถุงผ้าสกรีนเป็นรูปพี่เตี้ย มช. และใส่เสื้อผ้าที่มีข้อความเกี่ยวกับความน่ารักของพี่เตี้ย มช.เดินทางมารอรับฟังผลการตัดสินคดีในวันนี้ด้วย 

ซึ่งวันนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ 1324/2567 ผ่านทางจอภาพไปยังศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเนื้อหาแห่งคดีสรุปได้ความได้ว่า คดีนี้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 3 ถึง 7พฤษภาคม 2563 จำเลยลักเอาสุนัขชื่อ เตี้ยมช. ซึ่งสุนัขนี้อาศัยอยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วจำเลยได้ใช้วัตถุของแข็งไม่มีคมไม่ทราบชนิด และขนาด ทำร้ายสุนัขตัวนี้ บริเวณขาหลัง ช่วงล่างลำตัว และกะโหลกศีรษะ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะฯ และข้อหาทารุณกรรมสัตว์ โดยไม่มีเหตุอันสมควรให้จำเลยชดใช้ราคาสุนัข 100,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสาม 

จำเลยให้การปฏิเสธ ผู้เสียหายที่เข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายที่ 1 คือ เจ้าของเจ้าเตี้ย ไม่ได้ยึดถือสุนัขชื่อ เตี้ย มช. เป็นของตนแล้ว ส่วนผู้เสียหายที่ 2 เป็นแอดมิน เพจ เตี้ยมช. เพียงผู้ดูแลจึงไม่ใช่เจ้าของ ผู้เสียหายที่ 3 คือ ทางมูลนิธิฯไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสุนัขตัวนี้ จึงไม่ใช่เจ้าของเช่นกัน สุนัขตัวนี้จึงไม่มีเจ้าของการที่จำเลยเอาสุนัขนี้ไปจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ ส่วนความผิดในข้อหาทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควรเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้ว่าจำเลยได้เอาสุนัขชื่อ เตี้ยมช.ไป และทำร้ายจนถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์ โดยไม่มีเหตุอันสมควรจำคุก 5 เดือน ยกฟ้องข้อหาลักทรัพย์ฯ และยกคำขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย 

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะอีกข้อหาหนึ่ง โดยโต้แย้งว่าโจทก์ร่วมยังไม่ได้สละกรรมสิทธิ์ในสุนัขชื่อ เตี้ย มช. จึงยังเป็นเจ้าของสุนัขนี้ และขอให้จำเลยชดใช้เงิน 100,000บาท และโจทก์ยังอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์ให้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด ส่วนจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ โดยโต้แย้งว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ทำร้ายสุนัขชื่อ เตี้ย มช. เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ความจริงแล้วจำเลยพาสุนัขนั่งรถจักรยานยนต์ เพื่อไปเที่ยว แต่ในระหว่างทางจำเลยเสียการทรงตัว ทำให้สุนัขตกจากรถเป็นเหตุให้ถูกรถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับทับตาย 

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยที่จำเลยอ้างว่าได้เอาสุนัขชื่อ เตี้ย มช. นั่งตรงที่วางเท้าของรถจักรยานยนต์แล้วจำเลยขับรถนั้นพาไปเที่ยวระหว่างทางจำเลยเสียการทรงตัว ทำให้สุนัขตกจากรถถูกรถทับตายนั้น เห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์จากผลการตรวจพิสูจน์ซากสุนัขพบว่าขาหลังทั้งสองเป็นรอยช้ำ กระเพาะปัสสาวะฉีกขาด กะโหลกศีรษะแตกเป็นหลายชิ้น ลักษณะบาดแผลที่กล่าวไม่เหมือนถูกรถทับตามภาพ บริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยวกลางคืนมืดไม่เหมาะที่จะไปเที่ยว 

โจทก์มีข้อมูลการสนทนาระหว่างจำเลยกับคนที่จำเลยคบหา โดยจำเลย กล่าวว่า จะฆ่าสุนัขชื่อ เตี้ย มช.และรถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับเห็นว่าที่วางเท้าที่สุนัขนั่งกับล้อหลังใกล้กันมาก หากสุนัขตกจากรถแทบเป็นไปไม่ได้ที่สุนัขจะถูกรถนั้นทับ และที่จำเลยอ้างว่ารถเสียการทรงตัว ทำให้สุนัขตกจากรถก็ต่างกับคำให้การในชั้นสอบสวน ที่จำเลยเขียน อ้างว่าสุนัขกระโดดลงจากรถจึงถูกรถทับ ดังนั้นพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงรับฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายสุนัขจากวัตถุของแข็งหลายครั้ง จนเป็นเหตุให้สุนัขตายอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ โดยไม่มีเหตุอันสมควรอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น และที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดนี้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดนั้นอุทธรณ์ ข้อนี้ของโจทก์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ 

ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ และโจทก์ร่วมข้ออื่นปัญหาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 โดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า จากข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ว่าสุนัขชื่อ เตี้ย มช. มาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตั้งแต่ปี 2558 โดยโจทก์ร่วมก็ทราบ และไม่นำสุนัขนี้กลับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็มอบหมายให้ผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานของตนดูแลสุนัขภายในมหาวิทยาลัย ผู้เสียหายที่ 2 จึงดูแลสุนัขชื่อ เตี้ย มช.ในเรื่องอาหาร และที่อยู่อาศัย จัดให้มีการฉีดวัคซีนทำหมัน ฝังไมโครชิบตรวจสุขภาพประจำปี พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าโจทก์ร่วมได้สละกรรมสิทธิ์ในสุนัขตัวนี้ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้เข้าครอบครองเป็นเจ้าของสุนัข ส่วนผู้เสียหายที่ 2 เป็นเพียงผู้ดูแล ไม่ใช่เจ้าของ ผู้เสียหายที่ 3 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสุนัขตัวนี้จึงไม่ใช่เจ้าของเช่นกัน 

ดังนั้นเมื่อสุนัขนี้เป็นของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไป และแม้จำเลยจะเอาไปทำร้ายจนตาย ก็ถือว่าจำเลยเอาไปด้วยเจตนาทุจริตเช่นกัน จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะฯ ตามที่โจทก์ฟ้องอีกระทงหนึ่ง และจำเลยต้องชดใช้ราคาสุนัขนี้แก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้เป็นเจ้าของซึ่งสุนัขตัวนี้มีคุณค่าสามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ในลักษณะต่างๆ แก่สังคมยิ่งกว่าสุนัขทั่วไปจึงเห็นควรให้จำเลยชดใช้ราคาเป็นเงิน 100,000 บาท 

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะฯอีกกระทงจำคุก 1 ปี 6 เดือนทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 12 เดือน และลดโทษจำคุก 6 เดือนฐานทารุณกรรมสัตว์ โดยไม่มีเหตุสมควรให้หนึ่งในสามเช่นกัน คงจำคุกในความผิดนี้ 4 เดือน รวมจำคุกจำเลย 16 เดือน ให้จำเลยชดใช้เงิน 100,000 บาทแก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

ทั้งนี้จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 63 เวลาประมาณ 19.21 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากพนักงานของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่า มีสุนัขพันธ์ทางเพศผู้ สีน้ำตาลขาว อายุ 8 ปีหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. 63 ได้ติดตามหามาตลอด กระทั่งเวลา 17.00 น. วันที่ 7 พ.ค.ก็พบว่าเสียชีวิตอยู่ในป่าข้างทางริมถนนด้านข้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ในสภาพเน่าอืด เสียชีวิตมาแล้วหลายวัน ซึ่งผลการชันสูตรพบว่ามีการถูกทำร้ายอย่างทารุณ ซึ่งสุนัขดังกล่าวมีฉายาว่า "เตี้ย มช." ซึ่งเป็นสุนัขที่เป็นแฟนคลับของเด็ก มช. และประชาชนที่พบเห็นหลังจากที่มีการสืบสวน และติดตามหาพยานหลักฐานจึงได้ทราบว่ามี ส.ต.ท.ปริญญา ปัญญาบุตร ตำรวจตระเวนชายแดนรายหนึ่ง เป็นผู้ก่อเหตุฆ่า พี่เตี้ย มช. 

จากนั้นเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 63 ทางเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้เริ่มออกสืบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติม กระทั่งได้มีการตัดสินคดีในวันที่ 25 ก.ค. 66 โดยศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องในเรื่องของการลักทรัพย์กลางคืน เนื่องจากเป็นการสืบทราบพยานหลักฐานที่ไม่ครบ และการยืนยันชัดเจนเรื่องการเป็นเจ้าของแต่งข้อหาทารุณกรรมสัตว์ตัดสินจำคุก 6เดือน โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งต่อมาทางผู้ก่อเหตุได้ยื่นอุทธรณ์ 

หลังจากศาลชั้นอุทรณ์ตัดสินเวลา 10.45 น. แฟนคลับ พี่เตี้ย มช. โบกธงรอต้อนรับน.ส.สบันงา นนธะระ หน.ฝ่ายกฎหมายมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ เปิดเผยว่า การต่อสู้คดีวันนี้อยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์เป็นที่พอใจเป็นอย่างมาก ดีใจที่สุนัขตัวหนึ่งได้รับความยุติธรรมตามกฎหมาย อยากให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานของสังคมว่า ไม่ใช่ใครที่อยากจะทารุณกรรมสัตว์ก็ทำได้ ทุกอย่างมีกฎหมายคุ้มครองอยู่

 ขณะที่ น.ส.ทิวากร ศิริรัตน์ ทีมแอดมินเพจ เตี้ยมช. กล่าวว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เจ้าเตี้ยได้รับความยุติธรรม

Advertisement

แชร์
ศาลอุทธรณ์ สั่งคุก ส.ต.ท. ฆ่า พี่เตี้ย มช. 16 เดือน ชดใช้เงินอีก 1 แสน