วันที่ 21 มกราคม 2568 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย อยู่ภายในวัดพุทธบูชา โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสาน แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช พร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุพบจุดเกิดเหตุ อยู่บริเวณด้านข้างวิหารพระพุทธวิริยากร ภายในวัดพุทธบูชา ถนน พุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาชื่อ นายบุรินทร์ อายุ 47 ปี ในสภาพ นอนตะแคงข้าง จมกองเลือดอยู่กับพื้น ลักษณะการแต่งกายสวมใส่เสื้อโปโลแขนสั้นสีเขียว กางเกงขายาวสีน้ำตาล ไม่สวมรองเท้า พบรอยเลือดแห้งเกรอะกรังสาดกระจายอยู่เต็มพื้น เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด พบบาดแผลเปิดบริเวณเหนือคิ้วข้างขวา
จากการสอบถาม นางแดง อายุ 70 ปี แม่ผู้เสียชีวิตกล่าวว่า เขาชอบอยู่ที่นี่เขาไม่ยอมอยู่บ้านรับกลับไปให้ยากินยา ก็หนีกลับมา เขาไม่ได้เป็นโรคประจำตัวอะไร แต่เขาชอบอยู่วัดเขา ชอบเที่ยวอยู่เฉยไม่ได้ เมื่อก่อนเขาชอบเที่ยวหาชุดชั้นในของผู้หญิงมาเต็มบ้านไปหมด แต่พักหลังก็จะซาๆไป แต่ว่าขอให้ได้เที่ยว ไม่ได้เที่ยวไม่ได้
แม่ก็เคยถามเขาว่าเลิกเที่ยวได้หรือไม่ เขาก็จะบอกว่าไม่ได้ เขาอยู่ในวัดมา 4-5 ปีแล้ว แต่ก่อนอยากบวชก็ให้เขาไปบวชอยู่ที่จังหวัดอุทัยฯ บวชอยู่ 9 ปี สึกมาก็เที่ยวต่อ มีคนโทรตามตนมาก็เลยรู้ว่าเขามาเสียชีวิตอยู่ตรงนี้มีอะไรเขาก็โทรตามตลอด ตนก็ไม่รูว่าเขาไปมีเรื่องมีราวอะไรกับใครหรือเปล่า ไอ้เรื่องไปมีศัตรูอะไรกับใครตรงนั้นคงไม่มีแต่เขาชอบอะไรเขาก็ชอบหยิบชอบหยิบของจุ๊บจิ๊บที่เขาชอบ หยิบมาเวลาเจ้าของเขาถาม ก็บอกไม่ได้เอา ไม่ได้ขโมยหยิบเฉยๆตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็อาจจะมีส่วนที่ไปขโมยของเขามาแล้วโดนเขาไล่ตีเอา แต่ไม่เคยไปหาเรื่องใคร มีแต่ชอบไปหยิบของเขาปีนบ้านเขาขโมยชุดชั้นใน เขาก็นึกว่ามาขโมยของมีค่า เขาก็เลยเเจ้งตำรวจแล้วก็ติดคุกไปพักหนึ่ง เรื่องขโมยชุดชั้นใน
และจากการสอบถามนายสมบัติ คงอยู่ภักดีพัฒนา อายุ 55 ปี เป็นผู้พบศพคนแรก กล่าวว่า ตอนตนเจอศพตอนแรกก็สภาพแบบนี้เลย ผู้ตายเขาเป็นคนพื้นที่นี้ แม่ขายของอยู่แล้วตัวเขาก็ไม่อยากอยู่บ้าน เขาก็นอนอยู่มุมตรงนี้ แต่เขาก็ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใครก็จะมีส่งเสียงเอะอะโวยวายบ้างเวลาที่เขาไม่ชอบใคร
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์นิติเวชได้มอบหมายให้อาสาสมัครกู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และเมื่อตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วจะให้ญาตินำเอกสารไปรับร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนเรื่องผลทางคดีต้องรอการตรวจสอบจากพยานหลักฐานอีกครั้งถึงจะสรุปเหตุการณ์ดังกล่าวได้ แล้วถึงจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
Advertisement