Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทนายกองทัพธรรม เดินหน้าต่อแจ้งความ “เบียร์ ฅนตื่นธรรม” เพิ่ม

ทนายกองทัพธรรม เดินหน้าต่อแจ้งความ “เบียร์ ฅนตื่นธรรม” เพิ่ม

22 ม.ค. 68
11:58 น.
|
129
แชร์

มูลนิธิทนายกองทัพธรรม เดินหน้าต่อแจ้งความ “เบียร์ ฅนตื่นธรรม” เพิ่ม 1 ข้อหาฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน พร้อมส่งมหาหมี รับคำท้าดีเบตธรรมะ

วันนี้ (22 ม.ค. 2568) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรมและคณะได้เดินทางไปกล่าวโทษ คนสอนธรรม ต่อพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ข้อหาดูหมิ่นสมเด็จพระสังฆราชฯ และกรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งพนักงานเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย ที่มีเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคม รวมคณะสงฆ์ที่ดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม 21 รูป ข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136

โดยเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 มูลนิธิทนายกองทัพธรรมได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษว่า คนสอนธรรมได้ไลฟ์สดใส่ความหรือหมิ่นคณะสงฆ์ ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505ฯ มาตรา 44 ตรี ซึ่งนอกเหนือจากนี้แล้วยังเข้าข่าย ความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 เพราะการที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชฯ ได้แต่งตั้ง สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ และกรรมการมหาเถรสมาคมอีก 4 รูป รวม 5 รูป ได้มีการพิจารณาและแนะนำพระรูปดังกล่าวและได้นำเสนอมหาเถรสมาคม เพื่อพิจารณาเป็นมติมหาเถรสมาคม ที่ 558/2567 ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 19/2567 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 และสมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงมีพระดำรัสตักเตือนแนะนำพระรูปดังกล่าวจนมีการปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งถือว่าสมเด็จพระสังฆราชและมหาเถรสมาคม ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานตามความมาตรา 45 พ.ร.บคณะสงฆ์ฯตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1079/2475, 5069/2565 ซึ่งข้อความที่คนสอนธรรม กล่าวหมิ่นคณะสงฆ์และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน สรุปความว่าการใช้อำนาจหน้าที่ของมหาเถรสมาคมไม่ใช่ใช้อำนาจหน้าที่ด้วยธรรม และไม่ได้ทำตามพระธรรมและพระวินัย ไม่ได้กระทำตามอำนาจหน้าที่ของตน ผิดไปจากหลักพระวินัยของพระพุทธเจ้า ติอย่างเดียวไม่มีชม เป็นต้น และมีถ้อยคำอีกมากมาย ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม กล่าวว่า มูลนิธิทนายกองทัพธรรม ทำหน้าที่พุทธบริษัทในการปกป้องบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ที่มาในรูปแบบต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองตามรัฐธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 50 (1) คือ ปกป้องสถาบันศาสนา และตามมาตรา 67 วรรค 2 เป็นประชาชนพลเมืองที่ร่วมป้องกันบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นไม่ว่าในรูปแบบใด

สืบเนื่องจากปัจจุบันเกิดปรากฏการณ์มีบุคคลที่เป็นฆราวาสมาสอนธรรมแบบผิดๆ ถูกๆ อันเป็นการทำให้สัจจะความจริงตามหลักการในพระไตรปิฎกสูญหายไปเรื่อย ๆ เมื่อมีคนเชื่อถือมากเข้าธรรมจริง จะหายไปและอาจเกิดเป็นสัทธรรมปฏิรูปหรือธรรมปลอมขึ้นมาทดแทนธรรมจริงได้ เนื่องจากมีคนหลงเชื่อ โดยขาดโยนิโสมนสิการคือไม่ไตร่ตรองให้แยบคาย

ทั้งนี้ มูลนิธิทนายกองทัพธรรมไม่ได้ปกป้องพระสงฆ์ที่เป็นอลัชชีและประพฤติผิดจากพระธรรมวินัย ซึ่งต้องให้กระบวนการทางสงฆ์หรือฝ่ายบ้านเมืองเข้ามาจัดการโดยชอบ ซึ่งต้องแยกเป็นกรณี ๆ ไป ไม่ใช่มา บริภาษ ก่นด่า ให้ร้าย ด้อยค่าพระสงฆ์แบบเหมารวม อันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียและสร้างความแตกแยกในหมู่ชาวพุทธ นอกจากนี้ยังปรากฎว่ามีประชาชนที่อ้างว่าเป็นศาสนิกของศาสนาอื่นที่อ้างว่าศรัทธาและเลื่อมใสคนสอนธรรมแล้วอาศัยจังหวะชาวพุทธเกิดวิวาทะกัน มาร่วมก่นด่า ด้อยค่าพระสงฆ์ด้วย

ซึ่งมูลนิธิทนายกองทัพธรรมเห็นว่าอาจกลายเป็นภัยด้านความมั่นคงทางพุทธศาสนาในประเทศไทยต่อไปหรือไม่นอกจากนี้ ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้เรียกร้องไปยังหน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, กระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงศึกษาธิการ, คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรมวุฒิสภา เป็นต้น ว่า การกระทำอะไรกันอยู่โดยเฉพาะสำนักพุทธฯ ทำไม่ออกมาปกป้องมหาเถรสมาคมและคณะสงฆ์ที่ถูกคนสอนธรรมและบริวารดาหน้าออกมาก่นด่า บริภาษ ด้อยค่าด้วยคำหยาบคายและชาวพุทธที่มีใจเป็นธรรมก็รับไม่ได้กับพฤติการณ์ดังกล่าวที่กลายเป็นแฟชั่นไม่เกรงกลัวยำเกรงคณะสงฆ์และกฎหมายส่วนกระทรวงวัฒนธรรมทำไมไม่ออกมาตรวจสอบและป้องปรามการที่คนสอนธรรมและบริวารไปด้วยค่าประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของไทยแบบเหมารวม

โดยระบุว่า มีการด้อยค่าการสวดมนต์ข้ามปี รวมถึงมีการด้อยค่าวันตรุษจีนนั้น ตนอยากถามกระทรวงวัฒนธรรมว่าพวกท่านทำอะไรอยู่ ปล่อยให้คนสอนธรรมเพียงคนเดียวด้อยค่าวัฒนธรรมคนไทย ทั้งไทยพุทธ ไทยพราหมณ์ ไทยจีน

“อยากถามไปถึงกระทรวงศึกษาธิการว่า ปล่อยให้บุคคลดังกล่าวเข้าไปอบรมในโรงเรียนได้อย่างไร เวลาอบรมพูดดี แต่เวลาไปไลฟ์สดพูดกูพูดมึง แล้วเด็กมันติดตามไปดูในไลฟ์ ก็เอาตามพูดกูพูดมึง สอนให้ลูกพูดกูพูดมึงกับพ่อแม่มันใช้ได้ที่ไหน”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้คนตื่นธรรมได้มีการออกมาบอกว่าพร้อมที่จะคุยแก้ไขหากมีการตักเตือน ไม่จำเป็นต้องแจ้งความ มองว่าอย่างไร

ทนายอนันต์ชัย ระบุว่า สิ่งที่คนสอนธรรมพูดไปเรื่อย พูดหาเรื่องนั้น ตนอยากให้คนสอนธรรมได้รับบทเรียน และไปว่าในกระบวนการ หลังจากนั้นจะไปปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยน ก็เป็นเรื่องของเขา แต่เขาก็ต้องได้รับบทเรียนในสิ่งที่ทำ

ซึ่งหลักการในพระพุทธศาสนานั้น การสอนธรรมต้องไม่กล่าวคำหยาบและไม่กล่าวกระทบตนเองและผู้อื่น ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง ดังนั้นจึงเดินทางมากล่าวโทษต่อคนสอนธรรมเพิ่มเติม

ส่วนกรณีที่มีการท้าดีเบตระหว่างทนายอนันต์ชัย และคนสอนธรรมนั้น ทนายระบุว่า ไม่จำเป็นต้องดีเบต ไม่มีความรู้เรื่องธรรมะ เพราะตนเรียนจบกฎหมาย พร้อมมอบหมายบุคคลที่จะมาดีเบต ก็คือ ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิกองทัพธรรม หรือ "มหาหมี" โดยอยากให้มีการดีเบต 1 วัน เพื่อจะได้รู้กันใครของจริงของแท้.

Advertisement

แชร์
ทนายกองทัพธรรม เดินหน้าต่อแจ้งความ “เบียร์ ฅนตื่นธรรม” เพิ่ม