เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 26 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประกฤษณ์ รัตนภา อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นสามีและพ่อของเด็กที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สาววิ่งรถเก๋ง BMW ชน 3 แม่ลูกเสียชีวิตในพื้นที่เมืองชุมพร เป็นข่าวดังข้ามปี ได้เดินทางไปที่มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร เพื่อให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเคลื่อนย้ายร่างนางเย็นจิตร รัตนภา นายกฤตเมธ รัตนภา และเด็กหญิงบุณยานุช รัตนภา 3 แม่ลูกไปยังวัดสุวรรณนัทธี หรือวัดคูขุด ตั้งอยู่ตำบลบางหมาก อ.เมืองชุมพร เพื่อทำการฌาปนกิจ โดยมี ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือทนายแก้ว เดินทางจากกรุงเทพมหานคร มาร่วมในพิธีฌาปนกิจในครั้งนี้ด้วย
พร้อมทั้งมีผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนที่ทราบข่าว และเพื่อนนักเรียนโรงเรียนศรียาภัยชั้น ม.2 และ ม.4 ของนายกฤตเมธ และเด็กหญิงบุณยานุช มาร่วมไว้อาลัยครั้งสุดท้ายเป็นจำนวนเป็นจำนวน ภายหลังจากทำพิธีสวด วางผ้าบังสุกุล วางดอกไม้จันเสร็จสิ้น พิธีทางศาสนา เพื่อนนักเรียนร่วมใจกันร้องเพลงสลักจิตและเพลงฝนตกไหม ให้เพื่อนฟังเป็นครั้งสุดท้าย บางคนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ กอดกันร่ำไห้ท่ามกลางผู้คนที่ร่วมเดินทางมาแสดงความในในในพิธีฌาปนกิจ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
นายประกฤษณ์ ผู้เป็นพ่อก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร่ำไห้ขณะเพื่อนลูกชายและเพื่อนลูกสาวร้องเพลงไว้อาลัย ก่อนจะเคลื่อนศพขึ้นเมรุ โดยที่เพื่อนๆนักเรียนที่มาร่วมงานช่วยกันยกหีบศพบรรจุร่างเด็กหญิงบุญยานุช ขึ้นบนเมรุอย่างพร้อมเพรียงทุกคนที่มาในงานไม่คาดคิด ต่างมองอย่างเอ็นดูและชื่นชมถึงความรักที่มีต่อเพื่อน
ด้านทนายแก้ว และนายประกฤษณ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวว่า คดีนี้อัยการฯฟ้องหลายข้อหา หลักๆคือ ประมาททำให้บุคคลถึงแก่ความตาย รวมถึงตรวจพบสารเสพติดด้วย และกรณีพิเศษขอให้ศาลมีคำสั่งริบรถ BMW ของกลางด้วย ก่อนหน้านี้ในชั้นพนักงานอัยการเปิดโอกาสให้มีการไกล่เกลี่ยก็ไม่มา หลังจากไปกราบขอขมาศพหลังจากนั้นไม่เคยมาหรือติดต่ออีกเลยจนถึงปัจจุบัน เงินเยียวยาไม่เคยได้รับ รับเพียงเงินประกันเท่านั้น เงินจากฝ่ายผู้ละเมิดผู้ขับขี่และทางญาติก็ยังไม่มี
ในส่วนเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจำนวนเงิน 24 ล้านเศษ จากการลำดับเหตุการณ์เด็กทั้งสองคนและภรรยา เด็กทั้งสองคนเป็นอนาคตของชาติมาเสียชีวิตไป จริงๆแล้วไม่สามารถตีเป็นมูลค่าได้ แต่ทางเราต้องดำเนินการตามกฎหมายกำหนด ทางจำเลยมีการปฏิเสธ ต่อสู้ว่าค่าเสียหายที่ทนายแก้วเรียกไปสูงเกิน ส่วนจะสูงแค่ไหนเป็นดุลยพินิจของศาล
ณ วันนี้รู้สึกเสียใจเพราะทางฝ่ายคู่กรณีไม่ได้ส่งใครมา หรือติดต่อมาแสดงความเสียใจหรือไว้อาลัยกับคุณพ่อเลยรู้สึกเศร้าใจ ไม่มีจิตสำนึกเลย ถามว่ายังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า รู้สึกเสียใจมาก นายประกฤษณ์ ถามผ่านการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นัดตรวจพยานหลักฐาน จำเลยและทนายต้องมาตามนัด ต้องดูกันว่าจะพูดอะไร ข้อหาที่ร้ายแรงในคดีนี้คือ ประมาททำให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย โทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และมีอีกหลายข้อหา ขับรถความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ หลังเกิดเหตุไม่ให้การช่วยเหลือและตรวจพบสารเสพติด 2 ตัว เป็นต้น ข้อหาท้ายฟ้องในส่วนคดีอาญาของพนักงานอัยการฯค่อนข้างละเอียด
ทนายแก้ว กล่าวอีกว่า เท่าที่จำได้ที่ผ่านมาฝ่ายคู่กรณีเขารับสารภาพใน 2 ข้อหาขับรถประมาทฯและไม่มีใบขับขี่ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่จะปฏิเสธได้ พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการฯค่อนข้างทำสำนวนละเอียดมาก จึงไม่มีความกังวลในเรื่องคดี ไม่หนักใจอะไร
ทนายแก้ว กล่าวต่ออีกว่า แน่นอนตอนนี้เกิดความเสียหายไปแล้ว แต่ในความเป็นมนุษย์ควรมี จะส่งตัวแทนมาหรือใครมาแสดงถึงความจริงใจที่เหลืออยู่ แต่นี่ไม่มี แค่เอาใจเขามาใส่ใจเรา ในวันนี่แขกมาเยอะเด็ก 2 คนที่เป็นเยาวชนและแม่ที่เสียชีวิต พ่อเขาต้องอยู่คนเดียวมันเปล่าเปลี่ยว
นายประกฤษณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ต้องดูแลแม่ป่วยติดเตียงและยังต้องไปทำงาน ซึ่งมีเวลาน้อยมาก แต่ต้องดำเนินชีวิตต่อไป อยากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาเพื่อคดีจะได้สิ้นสุดให้เร็วขึ้น”
Advertisement