ย้อนคดี “สมพงษ์ เลือดทหาร” จาก “แท็กซี่คนดี” ก่อนความจริงจะถูกเปิดเผย และกลายเป็นตราประทับของคำว่า “แท็กซี่ลวงโลก”
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกรณีของไรเดอร์คนหนึ่ง สร้างแอคเคาท์ปลอมมาในโลกออนไลน์ และสร้างเรื่องตามหาตัวเองโดยบอกว่าเป็นไรเดอร์แสนดีดูแลผู้โดยสารหญิงที่เมา ทำให้หลายคนนึกถึงกรณีของ “สมพงษ์ เลือดทหาร” ผู้ที่กลายเป็นฉายาของแท็กซี่ลวงโลก เราจะมาย้อนเรื่องราวให้ฟัง
เรื่องราวของ “สมพงษ์ เลือดทหาร” เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 นาทีนั้นเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ เรียกได้ว่าในประเทศไทยไม่มีใครไม่รู้จักเขาในฐานะ “แท็กซี่” คนดี
โดยวันนั้น มีชายคนหนึ่งอ้างชื่อว่า “วิโรจน์” เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ ของสนามบินดอนเมือง โทรไปแจ้งสถานีวิทยุแห่งหนึ่งว่า มีคนขับแท็กซี่เก็บกระเป๋าเอกสารที่ลืมไว้บนรถ ส่งคืนผู้โดยสารต่างชาติที่สนามบินดอนเมือง โดยผู้โดยสารต่างชาติกำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่สนามบิน และอ้างว่าในกระเป๋าว่ามีเช็กเงินสดกว่า 19 ล้านบาทที่เขียนไว้ที่มุมเช็กว่าขึ้นเงินสดได้เลย
หลังจากทราบเรื่องสถานีวิทยุแห่งนั้นก็ประกาศตามหาตัวแท็กซี่คนนี้ทันที ก่อนที่ไม่นาน นายสมพงษ์ เลือดทหาร จะโทรมาแสดงตัวและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยบอกว่ารับผู้โดยสารมาจากย่านสุขุมวิทไปส่งที่สนามบินดอนเมือง แต่ปรากฏว่าผู้โดยสารลืมกระเป๋าที่มีทรัพย์สินประมาณ 19 ล้านบาทเอาไว้บนรถตนเองจึงเอาไปส่งคืน
เมื่อทราบเรื่อง หลากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างชื่นขชมในความดีของ “สมพงษ์” มีการมอบโล่ และเงินรางวัลเป็นจำนวนมาก ชีวิตของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
แต่ในช่วงเวลาที่มีแต่ความชื่นชมก็มีคนเอะใจว่า ทำไมไม่มีใครออกมายืนยันเหตุการณ์นี้ได้เลยและตำรวจท่องเที่ยวก็เริ่มเข้ามาสอบสวนเรื่องนี้ก่อนจะพบพิรุธมากมาย
ตำรวจไปตรวจสอบที่สนามบินดอนเมือง ก็ไม่มี รปภ.ชื่อวิโรจน์ ขณะที่ชื่อผู้โดยสารที่เดินทางไปต่างประเทศก็ไม่มีชื่อตามที่กล่าวอ้าง เมื่อไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็ไม่มีภาพเหตุการณ์ที่อ้างถึง
เมื่อได้ข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น ตำรวจจึงไปของตรวจสอบเสียงโทรศัพท์ก่อนจะพบว่าเสียงจากโทรศัพท์ที่ชี้ว่า “รปภ.วิโรจน์” คนที่โทรเข้ามา และ “สมพงษ์ เลือดทหาร” เป็นคนคนเดียวกัน
ที่สุด “สมพงษ์” ยอมรับสารภาพและบอกว่าตอนที่โทรไปอ้างว่าเป็น รปภ.วิโรจน์ ใช้นิ้วอุดจมูกข้างหนึ่งเพื่อปลอมเสียง
เมื่อทุกอย่างชัดเจนทำให้สมพงษ์ถูกตั้งข้อดำเนินคดีและถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 6 เดือน แต่ติดจริง 1 ปี 2 เดือนก็ได้รับการปล่อยตัว ขณะที่โล่และเงินรางวัลที่ได้รับก็ถูกยึดคืน แต่ที่สำคัญคือชื่อของเขากลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ และถูกรื้อฟื้นทุกครั้งที่มีกรณีคนขับรถโดยสร้างสร้างเรื่องให้ตัวเองว่าเป็นคนดี
Advertisement