วันที่ 29 ม.ค. 68 ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นาย เดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ทนายความ พร้อมด้วยนาง พนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา ดาราสาวชื่อดังที่พลัดตกเรือเสียชีวิต เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรี ในนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา ซึ่งวันนี้เป็นการสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายรวม 2 ปาก ประกอบด้วย กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ผู้จัดการและเพื่อนสนิทของ แตงโม นิดา กับ นายภีม ธรรมธีรศรี หรือ เอ็ม
โดยทนายเดชา ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มีการสืบพยานไป และตนก็ถามค้านไป ซึ่งในส่วนของตนได้ดำเนินการถามเสร็จแล้ว เหลือช่วงบ่ายซึ่งเป็นเรื่องของพนักงานอัยการ ส่วนจำเลยที่ 4 คือ นายภีม วันนี้ไม่ได้มาศาล ซึ่งวันนี้ก็ยังไม่จบต้องรอวันที่ 13 ก.พ. 68 ที่ศาลจะนัดสืบพยานอีกครั้ง
สำหรับบรรยากาศในศาลก็โอเค ไม่มีอะไร คู่ความก็ถามความตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนตัวคุณแม่ก็ไม่ได้วิตกกังวล คุณแม่บอกว่าคดีในศาลก็ให้เป็นไปตามกระบวนการพิจารณา ไม่อยากให้สัมภาษณ์สื่อ เพราะกลัวทัวร์ลง แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางพร้อมฝากบอกนาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ว่าไม่ได้ขัดขวาง ก็ขอให้ดำเนินการไปเรื่องการไปแจ้ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ หากมีหลักฐานใหม่ คุณแม่ก็ยินดี
ทนายเดชา กล่าวว่า ส่วนวันนี้ตนได้ถามกระติกว่า เหตุการณ์เกิดอย่างไร คุณปอและโรเบิร์ตขับเรือโดยไม่มีใบอนุญาต ทุกคนก็เมา และทุกคนก็ไม่ใส่เสื้อชูชีพ ทำไมปล่อยให้แตงโมเดินไปด้านหลังจนตกไปและเสียชีวิต ซึ่งหลักๆ ตนก็ถามประมาณนี้ เพราะมีประเด็นเดียวว่าจำเลยได้กระทำการประมาท จนเป็นเหตุให้แตงโมถึงแก่ความตายหรือไม่ ซึ่งประเด็นก็มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ไม่มีประเด็นเรื่องฆาตกรรมอะไรต่างๆ ไม่มีวางยาพิษ ไม่มีประเด็นว่าบาดแผลเกิดจากอะไร เพราะมันยุติแล้วว่าเป็นการจมน้ำตาย
ส่วนกรณีที่นาย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาพูดถึงเรื่องภาพตัดต่อของแตงโมนั้น ในสำนวนไม่มีประเด็นเรื่องภาพถ่าย มีเพียงประเด็นเดียวว่าประมาทหรือไม่ เพราะในคดีนี้มีเรื่องเดียวคือเรื่องความประมาท และการทำลายหลักฐาน เช่น การลบภาพ การปกปิดความจริง การโยนแก้วไวน์และขวดทิ้ง การไปพบตำรวจช้า และประมาทเป็นเหตุให้แตงโมตกเรือเสียชีวิต มีประเด็นเพียงแค่นี้ ส่วนเรื่องแก้ไขภาพไม่มี ซึ่งเรื่องนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่ทนายความของแซนไปยื่นคำร้องเรื่องละเมิดอำนาจศาลมากกว่า รวมถึงเรื่องใบไม้ที่เส้นผมก็ไม่มี มีเพียงประเด็นเดียวว่าแตงโมเดินจากหัวเรือใบท้ายเรือทุกคนได้ห้ามปรามหรือไม่ ได้ใช้ความระมัดระวังหรือไม่ปล่อยให้แตงโมตกไปตาย ซึ่งไม่มีเรื่องเส้นผม ไม่มีเรื่องการแก้ไขภาพ แก้ไข GPS จุดตกเวลาตก ไม่มีการโต้เถียง และไม่ได้อยู่ในประเด็นพิพาทเลย ซึ่งอันนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่นายอัจฉริยะไปร้องเรียนตำรวจ ไม่น่าจะเกี่ยวกับสำนวนหลัก
เมื่อถามว่าคิดเห็นอย่างไร หากดีเอสไอรับลูกในเรื่องนี้ ทนายเดชา กล่าวว่า หากดีเอดีเอสไอรับลูกก็ไม่ใช่ 4 คนนี้ เขาไปเน้นเรื่องตำรวจ เน้นคนที่ไปบิดเบือนเรื่องพยานหลักฐาน ไปเน้นคนและการกระทำ น่าจะเป็นเรื่องการกระทำที่มีการแจ้งข้อหาเบาหรือไม่ ช่วยผู้ต้องหาหรือไม่มี การช่วยคนบนเรือหรือไม่ มีการแก้ไข GPS หรือไม่ หมอเบิกความเท็จทำหลักฐานเท็จหรือไม่ เป็นเรื่องกระบวนการในการสืบสวนให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐาน และกระบวนการในการสอบสวนของข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ดังนั้นสำนวนคดี ของศาลจังหวัดนนทบุรีกับที่นายอัจฉริยะไปแจ้งที่ดีเอสไอเป็นคนละประเด็นกัน
เมื่อถามว่า คุณแม่แตงโมกับกระติกได้พูดคุยอะไรกันบ้าง ทนายเดชา กล่าวว่า ก็คุยกันดี ก็เห็นพูดจาดี กระติกก็เข้าไปยกมือไหว้ให้กำลังใจบอกคุณแม่ว่าอย่าไปดูพวกโซเชียลเยอะ พอไปดูแล้วก็มีคนมาด่า คุณแม่ก็เครียด คุณแม่ก็เลยไม่อยากให้สัมภาษณ์ เพราะให้สัมภาษณ์ไปแล้วก็มีคนมาด่าทำให้เครียด ส่วนเรื่องคดีหลักแม่บอกว่าก็ปล่อยให้ศาลพิจารณาคดีไป ส่วนคดีนายอัจฉริยะก็ปล่อยให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการไป แต่ถ้ามีพยานหลักฐานใหม่จริงๆ ก็ยินดีเข้าไปร่วมมือ
เมื่อถามว่า คุณแม่ได้มีการพูดถึง เรื่องที่นายปานเทพจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือและภาพถ่ายของแตงโม ที่มีการจับผิดภาพหรือไม่ ทนายเดชา กล่าวว่า แม่ก็ติดตามชม และบอกว่าเป็นการแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างหนึ่ง ถ้าได้พยานหลักฐานใหม่สามารถรู้ได้ว่าใครทำหลักฐาน ใครบิดเบี้ยวก็ดี คุณแม่ไม่ได้ขัดขวาง และยินดี
เมื่อถามว่า ในส่วนของกระติกได้มีการพูดคุยอะไรกับคุณแม่เพิ่มเติมทำความเข้าใจอะไรหรือไม่ เพราะระยะระยะเวลาคดีก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้จะ 3 ปีแล้ว กระติกก็ไม่ได้พูดเรื่องเดิม แล้วคุณแม่แกคงลืมไปหมดแล้ว กระติกก็เข้าไปยกมือไหว้ให้กำลังใจ บอกคุณแม่อย่าดูโซเชียลเยอะ ดูไปแล้วคุณแม่ก็เครียดแล้ว ทั้งนี้ระหว่างการพิจารณาคดี กระติกก็ร้องไห้ เมื่อมีการพูดถึงเรื่องการจำลองเหตุการณ์ ซึ่งมีคนด่าเขา เขาก็ร้องไห้หลายครั้ง เขาบอกว่าผ่านมาจะ 3 ปีแล้วคนยังด่าเขาไม่จบ เขาก็ร้องไห้ ศาลก็บันทึกไว้ด้วยว่าตัวพยานร้องไห้ เพราะมีคนไปด่าในโซเชียล คิดว่ากระติกมีส่วนอะไรต่างๆ ทำให้แตงโมเสียชีวิต กระติกร้องไห้หลายครั้งแต่เขาไม่ได้พูดว่าจริงหรือไม่จริง เขาแค่รู้สึกว่ามีคนมาด่า เขาก็เลยร้องไห้ 2 ครั้งในระหว่างการพิจารณาคดี เพราะผ่านมา 2 ปี 11 เดือนคนยังด่าไม่เลิก เพราะเขามองว่าการจำลองเหตุการณ์ ทำให้มีคนไปด่าเขา เขาพูดแค่นั้นไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดีในระหว่างเบิกความ
Advertisement