วันที่ 18 ก.พ. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองกระบี่ พร้อมอาสากู้ชีพ มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ สังกัดรพ.สต.อบต.ไสไทย เข้าตรวจสอบเหตุคนคลุ้มคลั่ง ภายในซอยมัสยิดนาหัวนอน หมู่ 4 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ ภายในบ้านชั้นเดียว มีนายคลอเดีย อายุ 37 ปี ชาวเยอรมันส่งเสียงเอะอะโวยวาย นอกบ้านใต้ต้นมะม่วงพบ น.ส.กัณ อายุ 33 ปี ภรรยาชาวไทยของคนก่อเหตุนั่งรอเจ้าหน้าที่ด้วยความตื่นเต้น
ขณะเจ้าหน้าที่วางแผนอยู่นั้น นายคลอเดียก็เดินถอดเสื้อออกมาหน้าบ้านตะโกนใส่เจ้าหน้าที่ว่าตัวเองมีเงินมาก เจ้าหน้าที่จึงให้เมียเข้ากล่อม เพื่อนำส่งรพ. แต่นายคลอเดียก็ยังไม่มีทีท่าจะสงบ ยังโวยวายเป็นช่วงๆ และพูดเสียงดัง จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่เกรงว่านายคลอเดียจะทำอันตราย ภรรยาจึงขอให้ถอยออกมา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เริ่มเตรียมอุปกรณ์ไม้ง่าม เพื่อจะเข้าควบคุมตัวตามยุทธวิธี นายคลอเดียเห็นอย่างนั้นจึงเดินเข้าไปในบ้าน แต่ก็ยังโวยวายเสียงดัง ก่อนจะเดินใส่เสื้อออกมาหน้าบ้านพูดคุยกับเจ้าหน้าที่
เมื่อนายคลอเดียเห็นไม้ง่ามของเจ้าหน้าที่ การพูดจาเริ่มดีขึ้นยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าใกล้ แต่เจ้าหน้าที่เกรงว่าจะมีอาวุ ธจึงขอค้นตัวและเจรจาให้ยอมเดินทางไปรพ. เพื่อเข้ารับการรักษา โดยไม่มีเหตุรุนแรง ท่ามกลางความโล่งใจของภรรยาและชาวบ้านละแวกดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่านี่เป็นครั้งที่สองแล้ว
น.ส.กัณ ภรรยาคนก่อเหตุให้ข้อมูลว่า สามีชอบเสพกัญชา และมักคิดค้นสูตรต่างๆ ล่าสุดผลิตสาร (DMT) หรือไดเมทิลทริปตามีน เป็นสารหลอนประสาทที่พบในพืชบางชนิด จะผสมกับกัญชาเมื่อเสพเข้าไปแล้วเกิดอาการคลุ้มคลั่งจำตัวเองไม่ได้ มีภาพหลอน บางครั้งคิดว่ามีพระพุทธเจ้ามาอยู่ด้วย บางครั้งพยายามจะปีนหน้าต่าง โดยวันนี้เกิดอาการหลอนว่าคนจะมาทำร้าย จึงโวยวายเสียงดัง
สามีเริ่มเสพสาร (DMT) เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เสพมาไม่เกิน 10 ครั้ง แต่สมองเริ่มไปไกล จนกลายเป็นคนละคน
ด้าน ส.ต.อ.ธีรเจต สมมุติ ผบ.หมู่(ป.) สภ.เมืองกระบี่ หนึ่งในทีมจับกุม เล่าว่า นักท่องเที่ยวคนนี้เกิดอาการหลอน จากการคิดค้นสารเสพติดอื่นๆ ที่เจ้าตัวคิดค้นขึ่นมาเอง ซึ่งเจ้าตัวเป็นวิศวะเคมี ครั้งนี้เกิดอาการคลุ้มคลั่งเป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งนี้ทรัพย์สินความเสียหายไม่เยอะ จะก่อเหตุอยู่ภายในบ้านไม่ได้ทำร้ายร่างกายใคร และยินยอมให้ส่งตัวรักษาโดยดี
Advertisement