ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 19 ก.พ. 68 ร.ต.อ.ทักษ์เชษฐ์ เบญจธรรมรักษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุยิงกัน มีผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหตุเกิดภายในซอยไม่มีชื่อ ม.3 ต.ยะรัง จึงรายงานให้ พ.ต.อ.วรินทร์ วันธงชัย ผกก.สภ.ยะรัง ทราบ พร้อมนำกำลังสามฝ่ายไปที่เกิดเหตุ
ไปถึงพบเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 นาย จึงรีบลำเลียงทั้งสองนายไปโรงพยาบาลยะรัง ทราบชื่อผู้เสียชีวิต จ.ส.ต.เดโช เขียวแก้ว อายุ 35 ปี ผบ.หมู่ ป. มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามเข้าบริเวณลำตัวหลายนัด ส่วน ส.ต.ต.ทรงชัย จันทรภาพ อายุ 23 ปี ผบ.หมู่ ป. ได้รับบาดเจ็บสาหัสแพทย์ได้พยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง และเสียเลือดมากเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สภาพศพทั้งสองนายสวมชุดเครื่องแบบ และใส่เสื้อหุ้มเกราะ สวมหมวกเหล็ก จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าทะเบียน 1กม 9865 ปัตตานีของเจ้าหน้าที่ล้มอยู่บนถนน และมีปลอกกระสุนปืนสงครามกว่า 10 ปลอกจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตทั้งสองนายเพิ่งเสร็จจากภารกิจตั้งด่านบนถนนภายในเขตเทศบาลตำบลยะรัง และหลังจากตั้งด่านเสร็จได้รับแจ้งว่าภายในซอยดังกล่าวพบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องสงสัย และอาจจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่พยายามจะก่อเหตุ และหลังจากได้รับแจ้งกำลังประจำด่านตรวจจึงได้เดินทางเพื่อไปตรวจสอบ เมื่อมาถึงปากซอยรถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ ผู้เสียชีวิตทั้งสองนายซึ่งใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ จ.ส.ต.เดโช เป็นคนขับ ส่วน ส.ต.ต.ทรงชัย นั่งซ้อนท้ายทั้งสองจึงได้เข้าไปก่อนล่วงหน้า เพื่อทำการตรวจสอบ
แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งทั้งสองข้างทางเป็นป่าและมืดได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่แล้วใช้อาวุธปืนสงครามถล่มยิงทั้งสองหลาย 10 นัด ทำให้รถเสียหลักตกข้างทาง นอกจากนี้กระสุนยังไปโดนกระจกและอาคารบ้านของประชาชนได้รับความเสียหาย 1 หลัง คนร้ายคิดว่าทั้งสองเสียชีวิตแล้ว จึงได้ขโมยอาวุธปืนพกสั้นประจำกายของทั้งสองนายหลบหนีไปในความมืด นอกจากนี้กระสุนปืนยังไปถูกบ้านเรือนของชาวบ้านในละแวกนั้นอีกด้วย
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สันทัศน์ เชื้อพุฒตาล ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่ายเข้าไปที่เกิดเหตุ วางแผนกระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้นบริเวณที่เกิดเหตุในรัศมี 500 เมตร พร้อมประสานหน่วยกำลังโดยรอบให้เฝ้าระวังและตรวจค้นยานพาหนะทุกชนิด รวมถึงบุคคลต้องสงสัย เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ และมีแนวร่วมให้ความช่วยเหลือในที่หลบซ่อน พร้อมกำชับให้ชุดสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด โดยเฉพาะปลอกกระสุนปืนของคนร้าย เพื่อนำไปตรวจสอบหาข้อมูลว่าอาวุธปืนที่ใช้เคยก่อเหตุใดบ้าง และเชื่อว่าน่าจะรู้ตัวกลุ่มที่ก่อเหตุ
นอกจากนี้ให้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกจุดทั้งก่อนและหลังก่อเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ พยายามแสดงศักยภาพในการกดขี่ต่อเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อสร้างสถานการณ์
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าการก่อเหตุความรุนแรงดังกล่าว ใกล้เคียงกับวันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ. ที่นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน พร้อมด้วยนาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และคณะจะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟัง และแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
Advertisement