นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงานนำรถพยาบาลลงพื้นที่บริเวณชุมชนร่วมใจสามัคคี ซอยเทียนสวน พหลโยธิน 54 แขวงคลองถนน เขาสายไหม เพื่อช่วยเหลือช่วยนางพัชนี อายุ 76 ปี ที่นอนป่วยอยู่ บริเวณหน้า อาคารพาณิชย์กลางซอย โดยไม่มีญาติมาเหลียวแลนานนับเดือน
โดยในที่เกิดเหตุบริเวณพบภาพสลดใจ มีคุณยายพัชนี นอนอยู่บนพื้นปูนที่มีผ้ายางพลาสติกปูรอง ตามลำตัวและแขนมีร่องรอยถูกยุงกัด ใกล้กันพบรถวีลแชร์ รถเข็นขายของและมุ้งครอบ รวมถึงยังมีถุงเสื้อผ้าวางกองอยู่บริเวณรถเข็น โดยนายเอกภพ และทีมงานรวมทั้งชาวบ้านก็ได้เข้ามาพูดคุยสอบถามปรึกษาถามกับคุณยายพัชนี แต่เจ้าตัวไม่สามารถโต้ตอบกลับเป็นคำพูดได้ ทำได้เพียงยกนิ้ว ตามคำถามของชาวบ้านและผู้สื่อข่าว
โดยขณะที่พูดคุยนางพัชนี น้ำตาไหล พร้อมกับพยักหน้าช้าๆ และเห็นสภาพใบหน้ากระตุกเป็นระยะๆ อีกทั้งบริเวณโดยรอบมีกลิ่นคล้ายปัสสาวะ และอุจจาระที่บริเวณรถวีลแชร์ของยาย
โดยนายเอกภพ ระบุว่า คุณยายพัชนี เป็นคนในพื้นที่ประกอบอาชีพขายโจ๊ก โดยมีลูกสาว 2 คน ก่อนที่ลูกสาวทั้งสองของยายและสามีจะเสียชีวิตไป คุณยายจึงได้ไปพักอาศัยอยู่กับนายกฤษณะ หลานชาย แต่เมื่อช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา คุณยายก็ได้เดินลงมานอนอยู่ตรงที่เกิดเหตุ ซึ่งสาเหตุก็ยังไม่ทราบแน่ชัด ว่าเกิดจากปัญหาสุขภาพ หรือปัญหาครอบครัว หลังจากนี้ทางเพจสายไหมต้องรอดได้พยุงคุณยายขึ้นรถไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะมีการประสานไปยังกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือ พม. เพื่อช่วยเหลือคุณยายต่อไป
ในขณะเดียวกัน นายกฤษณะ หลานชาย อายุ 31 ปี ทำอาชีพไรเดอร์ ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุยอมรับว่าตนเองเป็นหลานชายแท้ๆ ที่นางพัชนี เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ตนเองเรียกยายว่าแม่ ซึ่งแม่ตนเองลูกสาวของนางพัชนี ก็ได้อาศัยอยู่กับตนที่ห้องเช่าภายในของอาคารพาณิชย์ ชั้น 2 แต่แม่ได้เสียชีวิตเมื่อประมาณต้นปี 2567 ยายเลยมาอาศัยอยู่กับตน แต่เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมานางพัชนีได้มีปากเสียงกับครอบครัวตน ในเรื่องความเป็นอยู่ความเป็นอยู่และสุขภาพ จนทำให้นางพัชนีไม่ยอมขึ้นไปยังห้องพักและมาอาศัยนอนที่ดังกล่าว
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นตนยอมรับว่ามีปากเสียงกับแม่ (ยาย) เรื่องของภรรยาจริง อีกทั้งตนเมื่อเลิกจากทำงานแล้วก็รู้สึกเหนื่อย จึงใช้คำพูดที่ไม่สุภาพในบางครั้ง ทำให้นางพัชรีรู้สึกน้อยใจ จึงเกิดเป็นความเกรงใจครอบครัวของตน แต่ยืนยันว่าไม่ได้ปล่อยปละละเลย หรือทอดทิ้งยาย เพราะทุกวันหลังเลิกงาน ตนก็แวะเวียนมาพูดคุยดูแลยายตลอด โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา ยายก็ยังพูดโต้ตอบกับตนได้ แต่ไม่รู้ว่าวันนี้ทำไมยายถึงไม่พูด
ส่วนประเด็นที่ไม่ยอมพายายกลับบ้าน เนื่องจากตนเองติดปัญหาเรื่องที่พักอาศัยและค่าใช้จ่าย แต่ก็ยืนยันว่าหากยายไปรักษาตัวจนหายแล้ว ตนก็จะพายายกลับมาอยู่ด้วยเหมือนเดิม
จากนั้นนายกฤษณะ ก็ได้เข้าไปหอมแก้มลายาย ก่อนที่ทีมงานจะพายายส่งโรงพยาบาล โดยยายพัชนีก็มีการตอบรับหลานชายทั้งมองสบตา และน้ำตาซึม
ล่าสุด ทีมงานสายไหมต้องรอดพาคุณยายไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ตรวจพบความดันสูง 251 ส่วนค่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินมาตรฐาน เสี่ยงเกิดอาการช็อกได้ แพทย์ลงความเห็นว่าคุณยายอาการวิกฤติให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล.
Advertisement