จากกรณี พบศพหญิงนิรนามถูกฆาตกรรมอำพราง ยัดร่างใส่กระสอบถุงปุ๋ยแล้วหมกในป่าหญ้ารกทึบ ริมถนนทางหลวงชนบท หมายเลข 5026 หลักกิโลเมตรที่ 2 เส้นทางบ้านน้ำดิบเขต อ.แม่สอด ไปบ้านแม่จะเราเขต อ.แม่ระมาด จ.ตาก ซึ่งเหตุการณ์สยองดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา
โดยนายสมชาย อายุ 23 ปี ลูกชายคนโตของ นางมิเอ คาดว่าจะเป็นร่างของ นางมิเอ ที่สูญหายไปตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งยืนยันจุดสุดท้ายก่อนหายตัวคือคอกวัวตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ต่อมาวันที่ 1 มี.ค. 68 ทีมข่าว “อมรินทร์ทีวี” ลงพื้นที่ไปยังคอกวัวของ นายจะ กับนายเดชา ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่คาอว่า นางมิเอ (ผู้สูญหาย) มานอนพักอาศัย ก่อนที่จะหายตัวไป โดยคอกวัวดังกล่าว อยู่บนภูเขา ระยะทางห่างจากถนนใหญ่ ประมาณ 12 กิโลเมตร ทีมข่าวต้องใช้รถกระบะยกสูงขับผ่านทางดิน ผ่านป่าอ้อยและพื้นที่ทำเกษตรของชาวบ้าน การเดินทางค่อนข้างยากลำบาก ถนนเต็มไปด้วยหินและฝุ่น
โดยคอกวัวดังกล่าว มีวัวอยู่จำนวน 25 ตัว ทันทีที่ทีมข่าวเดินทางไปถึง ก็พบว่านายจะ และนายเดชา ซึ่งเป็นเจ้าของคอกวัว ภายหลังจากให้ปากคำกับตำรวจเสร็จสิ้น ก็กลับมาเลี้ยงวัวตามปกติ กำลังเเบกฟางก้อน เเละยกน้ำไปให้วัว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายบัญชา อายุ 55 ปี เป็นพี่ชายของนายจะ บอกว่า ปกติเเล้วที่นี่จะมีเพียงเเค่น้องชายที่อาศัยนอนเฝ้าวัว ส่วนตนจะอาศัยอยู่อีกที่ ก่อนที่นางมิเอจะหายตัวไป ยอมรับว่าเจ้าตัวมานอนพักอยู่ที่นี่จริง เเต่ตนได้ไล่ให้ออกไป เพราะตนไม่ชอบคนดื่มเหล้า เเละได้ให้เงินไปจำนวน 60 บาท โดยวันที่ 1 ก.พ. ช่วงเย็นๆ เวลาประมาณ 17.00 น. นางมิเอ (ผู้สูญหาย) ได้เดินออกจากเพิงพักไปทางด้านหลังคอกวัว ซึ่งเส้นทางดังกล่าวสามารถไปได้หลายพื้นที่ ทั้งตำบลทุ่งหลวง , เเละตำบลเเม่จะเรา โดยพื้นที่แถบนั้นจะมีชาวกะเหรี่ยง เเละคนงานพม่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ก็ไม่ทราบว่าเจ้าตัวเดินไปหาเพื่อนที่ไหนหรือไม่ หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย ตนก็ไม่ทราบว่านางมิเอสูญหาย เพราะไม่ได้สนใจ และก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็ไม่เคยมานอนพักอาศัยที่นี่มาก่อน เพิ่งจะมาครั้งนั้นเป็นครั้งแรก
นายบัญชา ยืนยันว่า ตนเองกับน้องชาย ไม่ได้ทำร้าย และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนางมิเอ หลังจากทราบข่าวก็รู้สึกตกใจมาก โดยเมื่อวานตำรวจก็พาตนกับน้องชายไปสอบปากคำเกือบทั้งคืน รู้สึกเหนื่อยล้า แต่ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ผู้สื่อข่าวได้ถามนายบัญชาว่า หากคนร้ายก่อเหตุฆาตกรรมนางมิเอแล้วจะสามารถหลบหนีออกประเทศเพื่อนบ้านได้หรือไม่ นายบัญชา ระบุว่า สามารถหลบหนีออกได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากจุดเกิดเหตุระยะทางห่างจากชายแดนประเทศพม่าเพียงแค่ 7 กิโลเมตร สามารถเดินเท้าข้ามแดนได้เลย
ด้าน นายจะ อายุ 51 ปี เจ้าของคอกวัว ก็ยืนยันความบริสุทธิ์ใจกับสื่อมวลชนว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนางมิเอ ซึ่งเมื่อวานตำรวจก็เอาตนไปสอบปากคำเกือบทั้งคืน ก็ให้การที่เป็นประโยชน์หลายเรื่อง แต่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสื่อได้ เกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี ซึ่งตนให้ข้อมูลกับตำรวจไปหมดแล้ว โดยตนรู้จักกับนางมิเอมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมาหาที่คอกวัวแต่อย่างใด ครั้งนั้นเป็นครั้งแรก โดยนางมิเอได้มาหาตนที่คอกวัวบอกว่าไม่มีที่พักอาศัย ตนเองจึงให้นอนพักภายในเพิงข้างกองฟาง ซึ่งนางมิเอก็นอนอยู่ที่นั่นเป็นเวลาประมาณ 3-4 วัน
จนกระทั่งวันที่ 1 ก.พ. พี่ชายของตนคือนายบัญชา ได้เดินทางมาที่คอกวัวแล้วเห็นนางมิเออยู่ที่เพิงพัก พี่ชายก็ไม่พอใจ เนื่องจากตัวของนางมิเอเป็นคนขี้เมา ประกอบกับตัวของตนก็ขี้เมาเช่นเดียวกัน นายบัญชาจึงได้ไล่นางมิเอ ออกจากกระท่อมไป เนื่องจากเกรงว่าจะพาน้องชายดื่มเหล้าแล้วจะเสียงาน
ซึ่งพี่ชายของตนก็ได้ให้เงินไปจำนวน 60 บาท ในวันดังกล่าวก็เห็นนางมิเอ เดินเท้าออกจากกระท่อม ไปทางด้านหลังของคอกวัว หลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าเจ้าตัวไปไหนต่อ เพราะโดยปกติแล้วนางมิเอจะเป็นคนขี้เมา เดินไปเรื่อย มีเพื่อนอยู่หลายที่ แต่ส่วนมากจะเป็นเพื่อนชาวพม่าและชาวกะเหรี่ยง ตนเองก็ไม่รู้จัก
หากถามว่าเหตุใดจึงไม่ออกตามหา ก็เนื่องจากตนไม่ทราบว่านางมิเอสูญหาย เพราะก่อนที่นางมิเอจะออกจากกระท่อม ยังยืมโทรศัพท์ของพี่ชายตนโทรหาลูกชายให้มารับ แล้วบอกเพียงว่าจะกลับบ้านไปหาลูกชาย ตนเองก็ไม่ทราบว่าเจ้าตัวสูญหาย คิดว่าคงไปอยู่กับลูกแล้ว หลังจากที่ทราบข่าวว่ามีคนพบศพก็รู้สึกตกใจมาก ซึ่งตนก็ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการฆาตกรรม ตนเองพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ทั้งนี้ทีมข่าวสำรวจบริเวณรอบๆ พบว่าข้างคอกวัว มีการสร้างกระท่อมไม้ เป็นที่พักอาศัยของนายจะ ใช้นอนเฝ้าวัว ถัดไปประมาณ 100 เมตร เป็นสถานที่เก็บฟางก้อน เเละมีการสร้างเพิงเล็กๆ ไว้ข้างกองฟาง ซึ่งเพิงข้างกองฟางดังกล่าว เป็นจุดที่นางมิเอ (ผู้สูญหาย) มานอนพัก ก่อนจะหายตัวไป มีร่องรอยการประกอบอาหาร
หลังจากได้ข้อมูลจุดสุดท้ายที่ นางมิเอ(ผู้สูญหาย) อาศัยนอน คือบริเวณเพิงข้างกองฟาง ด้านหลังคอกวัวของนายจะกับนายบัญชา โดยเจ้าของคอกวัวอ้างว่าเห็นนางมิเอ เดินออกไปทางด้านหลัง ทีมข่าวจึงจำลองเดินตามเส้นทางดังกล่าว เพื่อจะพิสูจน์ว่า ถ้าหากเดินตามเส้นทางดังกล่าว จะสามารถไปที่ไหนได้บ้าง โดยทีมข่าวได้เดินออกจากกระท่อม ผ่านป่าข้าวโพด ข้ามภูเขา 1 ลูก ระยะทาง 2 กิโลเมตร ข้ามลำธาร 1 เเห่ง ก็จะพบกับกระท่อมคนงาน ตั้งกระจัดกระจายอยู่บนยอดเขา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวกะเหรี่ยงและคนงานพม่า /หากเดินผ่านจุดนี้จะไปโผล่ถนนใหญ่ ซึ่งไปได้หลายพื้นที่ หากไปทางขวา จะไปตำบลทุ่งหลวง เเต่หากไปทางซ้าย จะไปตำบลเเม่จะเรา
ทีมข่าวสอบถามข้อมูลจากชาวกะเหรี่ยง ที่รู้จักกับผู้สูญหาย คือ นางดาว อายุ 39 ปี บอกว่า ตนเองรู้จักกับนางมิเอ (ผู้สูญหาย) เนื่องจากเป็นชาวกะเหรี่ยง มาจากฝั่งพม่าเหมือนกัน ที่ผ่านมาก็จะเห็นเจ้าตัวเดินไปเดินมาตามถนนใหญ่ เส้นทางระหว่างบ้านห้วยบง กับบ้านเเม่จะเรา ซึ่งเจ้าตัวเป็นคนขี้เมา มักจะเดินไปทั่ว ทุกครั้งที่เห็นก็จะอยู่ในอาการเมาสุราตลอดโดยตนเห็นนางมิเอ (ผู้สูญหาย) ครั้งสุดท้าย ช่วงปลายเดือนม.ค. ถึงต้นเดือน ก.พ. แต่จำวันที่แน่ชัดไม่ได้ คาดว่าประมาณวันที่ 30 ม.ค.หรือไม่เกินวันที่ 3 ก.พ. เห็นเจ้าตัวเดินผ่านถนนใหญ่ด้วยอาการเมาสุรา ยังมีการทักทายกันตามปกติ หลังจากนั้นก็ไม่เห็นกันอีกเลย แต่ช่วงที่ไม่ได้เห็นหน้าก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเพราะโดยปกติแล้ว นางมิเอ (ผู้สูญหาย) จะอยู่ไม่เป็นหลักเเหล่ง จนกระทั่งมาทราบข่าวว่าพบศพถูกฆ่ายัดกระสอบ ก็รู้สึกตกใจมาก
Advertisement