ตำรวจ ลั่น ต้องกวาดล้างคนไทยขายชาติร่วมต่างชาติตั้ง แก๊งคอลเซ็นเตอร์
ตำรวจไซเบอร์ ลั่น ต้องกวาดล้างคนไทยขายชาติร่วมต่างชาติตั้ง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปิดช่องอ้างเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ หนีการทำผิดอีก ส่วน 119 คน จากปอยเปต จ่อแจ้งข้อหาหนัก
ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.อ.รัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจ สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ร่วมแถลงผลคดีสำคัญในกรณีที่คนไทยถูกจับกุม โดยตำรวจกัมพูชาในการกระทำความผิดอาชญากรรมทางด้านเทคโนโลยีที่ประเทศกัมพูชาแล้วส่งตัวกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 68 จำนวนทั้งสิ้น 119 คน ตามความต้องการของไทยที่ พล.ต.อ.ธัชชัย ได้ไปหารือกับตำรวจกัมพูชา ในการร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขอประเทศกัมพูชาส่งตัวคนไทยให้มาลงโทษตามกฎหมายไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ทางการกัมพูชาได้มีการจับกลุ่มเกี่ยวกับเรื่องของการก่ออาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และส่งกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 68 จำนวนทั้งสิ้น 119 คน เป็นชาย 61 คน หญิง 58 คน และมีเยาวชน 4 คน ซึ่งการคัดแยกเหยื่อโดยสหวิชาชีพและการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าใน 119 คนมีคนที่เกี่ยวข้องกับการ ก่ออาชญากรรมแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์จำนวน 100 คน ซึ่งเป็นเด็ก และเยาวชน อายุ 17 ปี จำนวน 4 คนอยู่ระหว่างการดำเนินการของสภาวิชาชีพ และอีก 15 คน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ทางศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับจำนวน 102 คน โดยเป็นคนไทย 100 คน และขยายผลไปยังหัวหน้าแก๊งชาวจีน 2 คน ในข้อหา "ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็น อั้งยี่, ซ่องโจร, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือ ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" ตามคำร้องขอของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2568
อีกทั้งยังได้ประสานงานกับกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกรายอย่างถึงที่สุด อีกทั้งจะดำเนินการขยายผลไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการคอลเซ็นเตอร์ทั้งในและนอกประเทศ
พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สามารถดำเนินคดีในข้อหาหนักกับคนไทยที่ไปร่วมกับชาวต่างชาติตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทยในประเทศกัมพูชาที่มีโทษสูงสุดถึง 15 ปี จากนี้จะไม่มีพวกกลุ่มคนไทยขายชาติใช้ช่องทางการตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ เพื่อหลบหนีการกระทำผิดอีกต่อไป และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเอาตัวคนไทยขายชาติเหล่านี้มาลงโทษในประเทศไทยในข้อหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และความผิดอื่นทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด และถึงที่สุดโดยมองว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งกระทำโดยชาวต่างชาติมีคนไทยให้การสนับสนุนปล้นระดมทรัพยากรของคนไทยในชาติเป็นภัยคุกคามและสงครามในรูปแบบใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรง
"เราควรสื่อสารให้ทุกคนคนไทยที่อยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาตั้งแต่ตอนนี้ให้รู้ตัวว่า วันนี้เขาจะถูกดำเนินคดีทุกคนในข้อหาหนักที่เกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ โทษสูงสุด 15 ปี และผมเชื่อว่าศาลจะต้องลงโทษในข้อหาร่วมกันเป็น อั้งยี่, ซ่องโจร, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือ ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งความผิดต่างๆ เหล่านี้มีโทษทั้งสิ้น 15 ปี แน่นอน" พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าว
ทั้งนี้มาตรการหลังจากนี้จะดำเนินการอย่างไรนั้น พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นก้าวแรก ที่เราเริ่มทำงานร่วมกับประเทศกัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมาเรายังไม่สามารถที่จะหาวิธีการในการรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ แต่วันนี้เรามีแนวทางแล้ว และศาลก็เห็นด้วยที่จะออกหมายจับให้ ตนเองเชื่อว่าคนไทยที่เหลืออยู่ในประเทศกัมพูชาจะร่วมดำเนินการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตนเองได้เห็นคำสั่งว่า นายฮุน มาแณต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเป็นประธานในการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา
Advertisement
