Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เจ้าของแบรนด์-อินฟลูเอนเซอร์ แจ้งความ ถูกบริษัทเอเจนซี่ชื่อดังโกง

เจ้าของแบรนด์-อินฟลูเอนเซอร์ แจ้งความ ถูกบริษัทเอเจนซี่ชื่อดังโกง

10 มี.ค. 68
15:11 น.
|
1.1K
แชร์

เจ้าของแบรนด์-อินฟลูเอนเซอร์ รวมตัวเข้าแจ้งความ ถูก บริษัทเอเจนซี่ ชื่อดัง ย่านลาดพร้าว โกง มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2568 กลุ่มผู้เสียหายกว่า 50 คน ซึ่งเป็น อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ (KOL: Key Opinion Leader) ลูกค้าแบรนด์ ผู้ประกอบการ และอดีตพนักงานบริษัทเอเจนซี ได้รวมตัวกันเดินทางไปยังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อแจ้งความเอาผิดบริษัทเอเจนซีแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว 71 โดยบริษัทดังกล่าวมีชื่อขึ้นต้นด้วยตัวอักษร "F" และเจ้าของบริษัทมีชื่อขึ้นต้นด้วยตัวอักษร "P"

กลุ่มผู้เสียหายกล่าวหาว่าบริษัทเอเจนซีดังกล่าวมีพฤติกรรมเบี้ยวค่าจ้าง ไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้างให้กับอินฟลูเอนเซอร์และผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ที่จ้างมาทำงาน รับงานและรับเงินแล้วไม่ผลิตงาน และไม่จ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน โดยมูลค่าความเสียหายรวมกันหลายล้านบาท พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 จนถึงปัจจุบัน โดยบริษัทไม่ได้หลบหนีหรือหายไป แต่ไม่ยอมจ่ายเงิน

อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อและเดินทางมาแจ้งความในครั้งนี้ ได้แก่

* เพจ "แม่จ๋าๆ พามาตาไปเที่ยวหน่อย"

* เพจ "รีวิวอะไรวะ"

* เพจ "คุณแม่ยังสวย"

* Lantis Fortune

* Katoon Khumkun ลั้ลลาพาเที่ยว

ผู้เสียหายได้ให้ข้อมูลว่าบริษัทเอเจนซี่ดังกล่าวมีพฤติกรรมดังนี้:

* ไม่จ่ายเงินค่าจ้าง : อินฟลูเอนเซอร์หลายรายที่ได้รับการว่าจ้างให้รีวิวสินค้าหรือบริการไม่ได้รับเงินค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้

* รับงานแล้วไม่ผลิตงาน : ผู้ประกอบการหลายรายที่ว่าจ้างบริษัทเอเจนซีดังกล่าวให้ทำการตลาดออนไลน์ไม่ได้รับผลงานตามที่ตกลงกันไว้

* ไม่จ่ายเงินเดือนพนักงาน : อดีตพนักงานของบริษัทเอเจนซีดังกล่าวหลายรายไม่ได้รับเงินเดือนตามที่ตกลงกันไว้

* ข่มขู่ผู้เสียหาย หากมีการประจานจะฟ้องกลับ

ผู้เสียหายได้นำหลักฐานเอกสารต่างๆ เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทเอเจนซีดังกล่าว โดยพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความและจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

วันนี้ (10 มี.ค 68) เวลา 09.30 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ และนักธุรกิจเจ้าของแบรนด์รวมตัวกัน เข้าแจ้งความเอาผิดกับ มิสเตอร์ P เจ้าของ บริษัทเอเจนซี่ 3 บริษัท หลังพบว่ามีการโกงเงินค่าตัวอินฟลูเอนเซอร์ และโกงเงินเจ้าของแบรนด์ รวมถึงไม่ได้จ่ายเงินพนักงาน มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท

ด้าน น.ส.เขมิกา เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางค์ และ น.ส. ดาวรัตณ์ เจ้าของแบรนด์ สกินแคร์ เปิดเผยว่า มีการเปิดบริษัททั้งหมด 3 ที่ โดยมี Mr.P ชื่อย่อ เป็นเจ้าของบริษัทเอเจนซี่การตลาดทั้ง 3 แห่ง ปัจจุบันบริษัทตั้งอยู่ย่านลาดพร้าว โดย น.ส.เขมิกา รู้จักกับบริษัทดังกล่าวเมื่อปี 65 และ น.ส.ดาวรัตณ์ รู้จักเมื่อปี 66 และรู้จักบริษัทดังกล่าวผ่านการยิงแอดโฆษณาในโซเชียล เมื่อเห็นว่าน่าสนใจจึงได้มีการติดต่อไปที่บริษัทด้วยความที่เป็นเจ้าของแบรนด์จะลงทุนอะไรซักอย่างก็จะต้องให้เกิดความน่าเชื่อถือมากที่สุด จึงได้ติดต่อเข้าไปขอดูบริษัท ซึ่ง ณ ตอนนั้นตั้งอยู่ย่านรัชดา ขอไปดูก็พบว่า มีบริษัทจริงมีพนักงานจำนวน 40 ถึง 50 คนกำลังนั่งทำงานอยู่ภายในบริษัทจึงทำให้มีความเชื่อถือจึงได้ลงทุน

น.ส.ดาวรัตณ์ กล่าวต่อว่า มีการลงทุนกับบริษัทนี้ในสัญญาคือ 2 ล้านบาท เกี่ยวกับโปรดักส์สกินแคร์ ให้บริษัทเอเจนซี่นี้เป็นตัวการในการโปรโมทสินค้า ซึ่งทางบริษัทเอเจนซี่ก็อวดอ้างว่า หากมาลงทุนกับบริษัทเขาก็จะได้กำไรกลับคืนมา 8 ล้านบาท จึงได้มีการผลิตสินค้าดังกล่าวมา 6,000 ชิ้น ตามที่มีการคุยกันไว้ แต่ก็มีความสงสัยเลยได้ถามกับตัวเจ้าของบริษัทว่าดีลที่คุยกันไว้สามารถทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งทางบริษัทก็อ้างอีกว่า เขามีแผนสำรอง โดยการจะจ้างดารามาจัดแฟนมีต และขายบัตร ควบคู่กับสินค้าไปด้วย ซึ่งก็อ้างว่าทำสำเร็จมาแล้วหลายเจ้า

แต่ก็ถูกโกงไม่ได้รับผลงานจากทางบริษัทจึงได้กลับไปดูที่บริษัทย่านรัชดาอีกครั้ง ปรากฏว่าตึกดังกล่าวถูกล็อก พอไปสอบถามเจ้าของตึกก็พบว่าทางเจ้าของบริษัทเอเจนซี่นั้นติดค่าเช่าไม่ยอมจ่ายค่าเช่ามาแล้วหลายเดือน ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่ย่านลาดพร้าว

น.ส.เขมิกา ระบุว่า ตนเองทำสัญญากับบริษัทดังกล่าว 2 ส่วน คือ อีเวนต์ และการตลาด ในส่วนของงานอีเวนท์นั้นมีได้งานบ้างแต่กว่าจะได้งานก็ค่อนข้างลากเลือด อย่างดาราที่มีการตกลงกันว่าจะให้มาโปรโมทแบรนด์ พอตนเองติดต่อไปที่ค่ายของดาราคนดังกล่าวก็พบว่าทางค่ายไม่ได้รับงานจากทางบริษัทเอเจนซี่นี้แล้ว เพราะมีปัญหาในเรื่องของการจ่ายค่าตัว เลยมองว่าทางบริษัทมีเจตนาในการหลอกลวงมาตั้งแต่ต้น

ในส่วนของการตลาดในสัญญาฉบับนี้ทางแบรนด์ไม่ได้รับงานเลย เพราะเวลาได้ดูงานก็จะพบว่างานนั้นนำมาใช้ไม่ได้ เพราะทางบริษัทเอเจนซี่ชอบทำงานมาให้ทางแบรนด์ตำหนิ และมีการประวิงเวลา อีกทั้ง บริษัทเอเจนซี่นี้ยังอ้างในส่วนของอินฟลูเอนเซอร์ว่าทำงานไม่เรียบร้อย ขอเวลาไปแก้ไขแล้วก็จะหายไป พอถึงเวลากำหนดก็จะอ้างว่าฝั่งอินฟลูเอนเซอร์นั้นเรื่องมากติดงานอื่นต้องรอเวลา แต่เมื่อผ่านไปสักพักทางอินฟลูเอนเซอร์ก็ติดต่อเข้ามาที่แบรนด์ว่างานมีปัญหาอะไรหรือไม่ทำไมถึงยังไม่โอนเงินมาให้ทั้งที่ทำงานเสร็จไปเป็นเดือนแล้ว

ซึ่งตอนนั้นเธอก็รู้สึกสับสน เพราะได้จ่ายเงินก้อนดังกล่าวตามสัญญาให้กับบริษัทเอเจนซี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเธอยืนยันว่าเธอมีเอกสารการจ่ายเงินการทำสัญญาทั้งหมด จนถึงที่สุดแล้วเขาจะเป็นคนขอยกเลิกสัญญาเอง แต่ทางบริษัทเอเจนซี่ก็ยังทำเอกสารปลอม และอ้างว่าทางแบรนด์เป็นคนขอยกเลิกสัญญา เมื่อถูกทางแบรนด์ทวงถามเรื่องเงิน และงานมากๆ ทางบริษัทเอเจนซี่ก็บอกว่าจะรับผิดชอบแต่การรับผิดชอบนั้นจ่ายมาแค่หลักพันถึงหลักหมื่นบาท ทั้งที่ความเสียหายบางคนมีมูลค่าเป็นหลักแสนถึงล้านบาท

ซึ่งทางเจ้าของบริษัทก็บอกกับแบรนด์ว่าไม่หนีแน่นอน และอ้างว่าตอนนี้ตนเองทำธุรกิจล้ม แต่เธอก็ตั้งคำถามว่าล้มอะไรเมื่อรายรับของคุณแค่บัญชีเดียวคุณก็มีเงินหมุนเวียนในบัญชี 35 ล้านบาท อีกทั้งยังตั้งคำถามว่าทันทีที่ลูกค้าโอนเงินให้อีกวันนึงคุณก็จะไปเบิกเงินออกมาทันทีคุณทำเพื่ออะไร ทั้งที่ไม่ได้เอาเงินไปทำงาน อีกทั้งกรมสรรพากรได้มีการเรียกเก็บภาษีที่บริษัทของสามีของเธอที่มีการดีลงานกับบริษัทเอเจนซี่นี้ปรากฏว่า ไม่พบว่าบริษัทดังกล่าวนี้จดทะเบียนกับสรรพากร

อยากให้สังคมรับรู้กระบวนการแบบนี้ เพราะตอนนี้ได้ยินว่ามีผู้เสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ และมีคนที่ใช้วิธีการแบบนี้ในการไปเอาเปรียบคนที่ทำมาหากิน เพราะอินฟลูเอนเซอร์ก็ทำงานเพื่อที่จะเอาเงินไปเลี้ยงดูครอบครัว หรือเอาไปเรียนหนังสือ พร้อมฝากไปถึงเจ้าของบริษัทว่า "อย่ามุดหัวหนีหายไป"

เธอยังเล่าอีกว่าทางเจ้าของบริษัทไปข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องจนคนอื่นจนทำให้ไม่กล้าเข้ามาแจ้งความ อย่างพนักงานภายในบริษัทของเขาก็ถูกข่มขู่ว่า "ไปฟ้องสิกรมแรงงานเขาไม่กลัว" เพราะทางเจ้าของบริษัทไม่จ่ายเงินให้กับพนักงานมาแล้วหลายเดือนจนทำให้พนักงานบางส่วนทยอยลาออกแต่ก็ไม่กล้าเข้ามาแจ้งความเนื่องจากกลัวถูกฟ้อง

และได้ยินมาจากอดีตพนักงานของบริษัทเอเจนซี่ว่า ทางเจ้าของแบรนด์ตั้งใจที่จะทำให้งานของเธอนั้นล่ม ทั้งไม่จ่ายเงินค่าสถานที่ ไม่จ่ายเงินดาราที่จ้างมา นอกจากนี้ตนได้มีการจ้างบริษัทเอเจนซี่อื่นให้จัดอีกอีเว้นท์ ซึ่งทางบริษัทคู่กรณี ได้มีการส่งคนมาถ่ายรูปภายในงานและนำไปขึ้นในเพจอ้างว่างานนี้ทางบริษัทดังกล่าวเป็นคนทำเอง เป็นผลงานของบริษัทตนเอง

น.ส.อัมพาพันธุ์ เพจแม่จ๋าๆพามาตาไปเที่ยวหน่อย เล่าว่าได้มีการรวบรวมกันระหว่างอินฟลูเอนเซอร์หลายๆ คน และเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์สินค้าชื่อดัง และได้มีการพูดคุยกันว่าเราจะทำยังไงให้คนอื่นๆ ที่เขาโดนเหมือนกันให้เขารู้ตัวว่าโดนหลอก แล้วก็ได้มีการโพสต์บนเพจส่วนตัวว่าโดนบริษัทนี้หลอก และบริษัทดังกล่าวก็ได้ติดต่อมาหาตนส่วนตัวว่าจะฟ้องอาญาว่าทำให้บริษัท

และเราก็สงสัยว่าทำไมคุณไม่โทษตัวเองว่าทุกอย่างที่คุณล้มก็เกิดจากคุณเองและอีกอย่างเราก็แค่อยากจะออกมาเป็นกระบอกเสียงให้กับคนอื่นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของคุณและอีกอย่างจะได้รวบรวมผู้เสียหายทั้งหมดที่ตกเป็นเหยื่อของคุณได้มาแจ้งความร้องทุกข์ด้วยกันและยังได้มีการแอบอ้างว่าเคยจ้างหนุ่มกรรชัยมาโปรโมทสินค้าให้บริษัทเขาด้วย เขายังบอกอีกว่าถึงแม้เขาจะจ่ายเงินไม่ครบแต่เขาก็ยังจ่ายอยู่ แล้วยังมีการบอกว่าไม่กลัวและกล้าที่จะไปออกรายการโหนกระแส ก็ยืนยันว่าถ้าเขากล้าที่จะไปออกรายการพวกเราก็กล้าเหมือนกันเราก็อยากให้เขาพูดทุกอย่างออกมาว่าสิ่งที่เขาทำมันเป็นสิ่งที่ผิดหรือเป็นสิ่งที่ถูกหรือว่าเราเข้าใจผิดไปเองแต่อยู่ที่ว่าเขาจะไปหรือไม่

ส่วนความเสียหายทั้งหมดที่ตนเสียไปคือตอนแรก 80,000 บาท และตนได้ฟ้องร้องไปแล้วต้องจ่ายค่าดอกเบี้ย ก็โดยรวมทั้งหมดก็ประมาณประมาณ 100,000 บาท และเงินที่ควรจ่ายให้กับอินฟลูเอนเซอร์ แต่เขาก็ไม่จ่ายกับหายตัวไปทั้งที่เขารับเงินมาจากเเรียบจ้าของแบรนด์เรียบร้อยแล้ว แต่เงินไม่ถึงมืออินฟลูเอนเซอร์และพนักงานในบริษัทเลย

นายเลิศฤทธิ์ และ นายบุญรอด จาก ช่องภูเขา ชาแนล ผู้ติดตาม 3 แสนคน เล่าว่า วันนี้ตนก็เป็นหนึ่งผู้เสียหายเหมือนกันที่จะมาแจ้งความในวันนี้ ยอดความเสียหายของตนอยู่ที่ 45,000 บาท ซึ่งก็ไม่ได้เป็นยอดเงินที่เยอะมาก แต่ตนอยากมาเป็นกระบอกเสียงให้กับอินฟลูเอนเซอร์หน้าใหม่ให้ระวัง โดยพฤติการณ์ของเขา คือจะทักมาทางไลน์ซึ่งเราทำงานมากับเอเจนซี่หลายคนไม่เคยเกิดปัญหาแบบนี้ จนมาเจอกับเอเจนซี่คนดังกล่าวนี้ เราจึงเชื่อใจไม่คิดว่าเขาจะมาหลอก

หลังจากได้มีการพูดคุยก็ได้มีการตกลงการทำงานเมื่อทำงานเสร็จก็ได้ส่งงานให้กับบริษัทดังกล่าวและได้ทวงถามเรื่องค่าจ้าง ทางบริษัทบอกว่าจะจ่ายให้ แต่ก็รอนานผิดปกติจึงได้ทักท้วงไปที่ทางบริษัท เขาเลยถ่ายหลักฐาน เป็นเช็คเงินสด และบอกให้ตนไปเช็คว่าเงินได้หรือยัง ซึ่งตนก็พยายามเช็ค แต่กับไม่มีเงินเข้าในบัญชีเลย พอทวงถามไปมากๆเขาก็ยอมรับว่า เช็คเงินสดแค่ถ่ายมาให้ดูเฉยๆ ยังไม่ได้เอาเงินไปเข้าให้ ถามเรื่องเงินบ่อยครั้งเขาก็โมโหแล้วบอกว่า "เขาเป็นประธานบริษัทเขาจ่ายเงินอย่างแน่นอน"

ซึ่งตนก็ตั้งคำถามว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือเป็นประธานบริษัทมันก็ไม่ใช่ข้ออ้างในการที่คุณจะมาเบี้ยวเงินค่าจ้างของเรา และเราก็มีหลักฐานทุกอย่าง เขาก็มีการบ่ายเบี่ยงมาตลอดเวลา และเราทวงเงินมาประมาณหนึ่งปีแล้วแต่ก็ยังไม่ได้เลย จึงได้ออกมาในวันนี้เพื่อที่จะมาแจ้งความแล้วก็เป็นกระบอกเสียงให้กับอินฟลูเอนเซอร์ หน้าใหม่หลายๆคนเรื่องของการรับงานว่าต้องเช็คให้ดี ก่อนรับงานว่าเอเจนซี่ที่จ้างเราน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด

ด้าน นายเอ กล่าวว่า บริษัทนี้ส่วนใหญ่มีพฤติการณ์ให้ผู้เสียหายแต่ละรายแยกกันไปฝ้องร้อง เนื่องจาก จะเข้าเป็นคดีแพ่ง พอเป็นเช่นนี้ทางบริษัทดังกล่าวก็จะไม่จ่ายเงินเช่นเดิม เพราะฉะนั้นในวันนี้ที่พวกเรามารวมตัวแจ้งความกัน ไม่ใช่เเค่อยากที่จะได้เงินคืนแต่ต้องการที่จะให้คู่กรณีได้รับกรรมกับให้ได้รับบทเรียนทางคดีอาญา

ล่าสุดเวลา 13.00 น. ภายหลังกลุ่มผู้เสียหายอินฟลูฯ และเจ้าของแบรนด์ เข้าพบพนักงานสอบสวนที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเริ่มต้นจาก บก.ปคบ.(กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค) พิจารณาแล้วไม่เข้าหน้างานรับผิดชอบ จึงส่งต่อไปพบ พงส.บก.ป.(กองบังคับการปราบปราม) เมื่อพิจารณาแล้วไม่เข้าฉ้อโกง จึงส่งต่อไปพบ พงส.บก.ปอศ.(กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ) โดยใช้เวลาทั้งหมดกว่า 2 ช.ม.ออกมาด้วยความผิดหวัง

ระบุว่า สรุปสุดท้าย บก.ปอศ. รับแจ้งความผู้เสียหายในส่วนของเจ้าของแบรนด์สินค้าที่ถูกโกงจำนวน 2 ราย นอกนั้นที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ พนักงานสอบสวนแนะนำให้ฟ้องแพ่งเอาผิดต่อไป

ซึ่งก่อนหน้านี้ มีเจ้าของแบรนด์รายหนึ่งได้เคยฟ้องศาลเรียกค่าเสียหาย มิสเตอร์ P เจ้าของบริษัท M รายนี้ ศาลตัดสินให้จ่ายค่าเสียหายรวมดอกเบี้ย 1 แสนบาท แต่มิสเตอร์ P ก็ยังไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายตามคำสั่งศาลแต่อย่างใด แถมยังเปิดบริษัทเอเยนซี่ และเพจ หลอกผู้คนในวงการต่อไป

Advertisement

แชร์
เจ้าของแบรนด์-อินฟลูเอนเซอร์ แจ้งความ ถูกบริษัทเอเจนซี่ชื่อดังโกง