จากกรณีลูกเขยใช้อาวุธปืนยิงพ่อตาแม่ยายเสียชีวิต ก่อนจะยิงภรรยาและลูกเลี้ยงบาดเจ็บ หลังจากนั้นมือปืนได้ขับรถเก๋งสีดำหลบหนี ซึ่งมีกล้องวงจรปิดจับภาพได้
คืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 11 มี.ค. 68 ทีมแพทย์โรงพยาบาลอุทัย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบสภาพศพผู้เสียชีวิต ซึ่งอยู่ภายในบ้าน เบื้องต้นผู้เสียชีวิตเป็นชายนอนอยู่ในห้องนอนที่ 2 สภาพถูกยิงเข้าที่ใบหน้า และปากนั่งฟุบอยู่บนที่นอน ภายในห้องนอน ข้าวของกระจัดกระจายอยู่เกลื่อนห้อง
ส่วนรายที่ 2 ซึ่งเป็นผู้หญิง ถูกยิงเข้าที่ต้นแขนขวา จากนั้นล้มศีรษะไปกระแทกกับพื้นปูนจนทำให้เส้นเลือดสมองแตก เนื่องจากผู้ตายมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ บริเวณห้องโถงปากประตูทางเข้าบ้าน และตรวจสอบภายในบ้านไม่พบปลอกกระสุนปืน เจ้าพนักงานสอบสวนจึงได้ถ่ายรูป และบันทึกภาพ เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี
ทั้งนี้ผู้เสียชีวิตที่อยู่ในบ้าน 2 รายนั้น ผู้ชายชื่อ นายณัฐวุฒิ อายุ 43 ปี คนตาย ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของผู้บาดเจ็บ ส่วนผู้หญิงชื่อ น.ส.สิริพร อายุ 38 ปี คนตายเป็นแม่ของผู้บาดเจ็บ ชื่อ น.ส.เกษแก้ว อายุ 23 ปี ซึ่งผู้บาดเจ็บมีลูกชาย 1 คน อายุ 4 ขวบ ถูกลูกหลงที่นิ้วข้างขวา
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธศวรรย์ นำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายส่งชันสูตรเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จ.ปทุมธานี
ต่อมา พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้สั่งการตำรวจทุกพื้นที่ และประสาน ส่วนตำรวจทางหลวงช่วยสกัดจับรถสิบล้อตู้ทึบ ซึ่งเป็นลักษณะรถขนส่งสินค้า รหัสข้างรถ 22 หลังผู้ก่อเหตุใช้เป็นรถหลบหนี ซึ่งเบื้องต้นหลังจากทราบเส้นทางหลบหนีใช้เส้นทางถนนสายเอเชียมุ่งหน้าขึ้นนครสวรรค์ สุดท้ายพบว่าเข้าพื้นที่ จ.ชัยนาทจึงประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่และตำรวจทางหลวง
ล่าสุดได้รับรายงานว่า พ.ต.ต.อนวัช ตันตินันทกุล สว.ส.ทล.6กก.1 ทางหลวงสิงห์บุรีสั่งการให้รถวิทยุตรวจเขต1606 พร้อมกำลังพล 2 นาย ร.ต.ต.ศุภโชติ พันธุศร ส.ต.อ.กิตติพงษ์ ทองอินทร์ รถตรวจเขตหน่วยบริการ จ.ชัยนาท ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรชัยนาท ออกตรวจสอบติดตามสกัดสกัดจับรถที่นายทรงพลผู้ก่อเหตุขณะขับหลบหนีได้แล้วที่บริเวณสะพานต่างระดับ จ.ชัยนาท สายเอเชีย ซึ่งจะควบคุมตัวมาที่ สภ.อุทัยเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียด
พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้ก่อเหตุนั้นก่อเหตุ และหลบหนีจนสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ตนเองมีการพูดคุยทางโทรศัพท์ทราบว่าผู้ก่อเหตุนั้นได้มาหาภรรยาที่บ้าน จากนั้นผู้ก่อเหตุอ้างว่าจะนำทองมาให้ภรรยา แต่พ่อตาแม่ยายปิดประตู ไม่ให้เปิดจึงปีนข้ามประตูรั้วเข้าไปในบ้านพ่อตา ผู้ก่อเหตุอ้างว่าพ่อตาจะเข้ามาทำร้ายก่อน
ตนเองจึงใช้อาวุธปืนยิงพ่อตา จำนวน 2 นัด และแม่ยาย 1 นัด และหันมายิงภรรยาก่อนจะหลบหนี โดยคนร้ายยังอ้างว่า หลังจากก่อเหตุแล้วตั้งใจจะขับรถส่วนตัวไปเปลี่ยนรถที่บริษัท เพื่อจะขอปฏิบัติหน้าที่โดยการนำสินค้าไปส่งครั้งสุดท้าย จากนั้นก็จะเดินทางมามอบตัว แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจากก่อน ส่วนอาวุธปืนนั้นเก็บไว้ในรถเก๋งที่ขับหลบหนีมา
หลังจากจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้คือ นายทรงพล คงคาไหว อายุ 47 ปี ชาวตำบลสามเรือนอำเภอบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ น.ส.มีนา อายุ 43 ปี พี่สาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่าคนร้ายที่ก่อเหตุยิงครอบครัวของตนเองนั้นถูกจับกุมได้แล้ว ก็รู้สึกเฉยๆ เพราะยังไงก็รู้ดีว่าตำรวจต้องตามจับตัวได้อย่างแน่นอน ส่วนทางครอบครัวก็อโหสิกรรมให้คนร้ายถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และชดใช้กรรมที่ก่อไว้ ส่วนตนเองเคยบอกกับหลานสาวแล้วว่าอย่าไปคบกับคนร้าย ซึ่งหลานสาวเคยพูดว่าคนร้ายนั้นมีครอบครัว และมีภรรยาอยู่แล้ว แถมยังจะหลอกว่ามีเงินถึง 7–8 ล้านบาท อยู่คบกับตนเองจะสุขสบาย ตนเองก็เคยเตือนแล้วว่าอย่าไปคบหา จนมาเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น
Advertisement