เปิดใจน้องมายด์ มีนย์ชฎา อดีตนักโทษเรือนจำพิเศษกรุงเทพ LGBTQ
เปิดใจน้องมายด์ มีนย์ชฎา อดีตนักโทษเรือนจำพิเศษกรุงเทพ LGBTQ ในแดนเรือนจำชาย มีความเป็นอยู่อย่างไร เลือดเมนส์มาจากไหน เชื่อผกก.โจ้ทำตัวเอง ถูกกดดัน
จากกรณี ที่ สน.ประชาชื่น ได้รับแจ้งเหตุผู้ต้องขังทำร้ายตัวเองภายในเรือนจำ วันเวลารับแจ้งเหตุ 7 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 23.00 น. สถานที่เกิดเหตุ ห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอนแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ผู้เสียชีวิต พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ โจ้ อุทธนผล อายุ 43 ปี โดยระบุว่าผู้ต้องขังฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอภายในห้องขัง ซึ่งต่อมาญาติไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งต่อมานายเผด็จ เร่งรอด ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม ได้ลงนามคำสั่งย้าย "นายสิทธิพร " พ้นจากตำแหน่งหัวหน้างานควบคุมแดน 7 หลัง พร้อมเร่งสอบสวนข้อเท็จจริง ตามที่ได้เสนอข่าวมาก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด วันนี้ (11 มี.ค.68) ทีมข่าวได้พูดคุยกับ คุณมายด์ มีนย์ชฎา อดีตนักโทษ LGBTQ ในเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพ เเละเคยเป็นเสมียนของเเดน 7 ได้ออกมาเปิดเผยว่า ปกติเเล้วนักโทษชายกับนักโทษ LGBTQ จะแยกเเดนกันชัดเจน ยิ่งเฉพาะกับ LGBTQ ที่มีการผ่าตัดแปลงเพศ หรือมีหน้าอกเเล้ว เเต่ก็มีส่วนน้อยมากๆ ที่มีการผ่าตัดทำหน้าอกแล้วจะได้อยู่รวมกับผู้ชาย และยืนยันว่าต่อให้เป็นนักโทษ LGBTQ เข้าไปอยู่ในเรือนจำ ก็จะต้องมีการตัดผมเกรียนทรงเดียวกันทั้งหมด
กรมราชทัณฑ์ จะเข้มงวดเรื่องนี้มาก ไม่สนับสนุนให้มีเพศสัมพันธ์ในเรือนจำ เพราะไม่อยากให้เกิดการทะเลาะหรือความวุ่นวายเกิดขึ้น และจากประสบการณ์ที่ตนเองเคยอยู่ในเรือนจำมา จึงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่ LGBTQ จะอยู่รวมกับนักโทษชาย
ส่วนประเด็นเรื่องรอยเลือด ตนเองก็ไม่ได้ติดตามข่าวอย่างละเอียดจึงไม่ทราบว่ารอยเลือดดังกล่าวมีมากน้อยแค่ไหน เเต่ถ้าหากถามถึงเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ก็มีความเป็นไปได้ที่น้อยมากว่าจะมีเลือดออก แต่ก็ต้องถามว่ามีเพศสัมพันธ์ทางประตูหน้าหรือประตูหลัง ซึ่งถ้าหากเป็นการสมยอม การฉีกขาดและมีคราบเลือดก็เป็นไปได้น้อยมาก เเต่ถ้ามีการบังคับข่มเหง ก็ต้องมีการส่งเสียงดังคนห้องข้างๆก็ต้องได้ยิน
ส่วนห้องขังแบบนั้น ไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว ถ้าเป็นห้องขังเดียวจะมีสำหรับนักโทษที่ทำผิดกฎระเบียบของเรือนจำ เเต่ตามที่ดูข่าวมาเห็นว่าห้องนั้นอยู่กัน 3 คน
ส่วนประเด็นเรื่องยารักษาอาการป่วยจิตเวช จากประสบการณ์ที่ตนเคยเป็นเสมียน ถ้าเป็นยาประเภทพวกรักษาอาการหรือยารักษาโรคประจำตัวทั่วไปที่ไม่เป็นยาอันตราย ผู้ต้องขังสามารถเก็บไว้กับตัวเองได้ เช่น ยาเบาหวาน แต่ก็จะมีกรณียกเว้นเช่น ยารักษาอาการทางจิตเวช ที่จะต้องมีผู้ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดในการทานยา
โดยทุกคนที่มีอาการนี้จะต้องทานยาพร้อมกันทั้งหมดต่อหน้าผู้คุม บางคนถึงขั้นต้องทุบยาให้ละเอียด แล้วให้นักโทษกินต่อหน้าผู้คุมและมีการตรวจเช็คภายในปากว่ามีการกลืนลงท้องไปแล้วจริงหรือไม่ เพื่อป้องกันกรณีที่นักโทษแอบอมไว้ใต้ลิ้นแล้วนำไปให้เพื่อนนักโทษในห้องขังกินยา หรือมีการซื้อขายกัน เนื่องจากยาพวกนี้มีการออกฤทธิ์กล่อมประสาท จึงมีโอกาสยากมากที่ผู้ต้องขังที่ป่วยมีอาการทางจิตเวชจะถือยาไปกินเองนอกเวลา
เเต่ถ้าหากผู้ต้องขังออกไปขึ้นศาล เเละกลับมากินยาไม่ทัน ตนจึงมีการจดบันทึกไว้ให้ผู้คุม เพื่อนำยามาให้ผู้ต้องขังทานต่อไป
หน้าที่เสมียนของตนในเรือนจำ คือในทุกวันตอนเช้า ตนจะต้องมาจดรายชื่อของผู้ต้องขัง เพื่อดูว่ามีใครบ้างที่จะต้องออกไปขึ้นศาล หมายเลขห้องอะไรบ้าง เพราะด้านในจะซีเรียสกับเรื่องจำนวนของผู้ต้องขังมาก เพื่อป้องกันการสูญหายหรือหลบหนีของนักโทษ เเละมีการรับเรื่องร้องเรียน ขอของใช้ ขอย้ายกองงาน ตนจะเป็นคนรับหน้าจากนักโทษเเละเสนอไปยังเจ้าหน้าที่ เหมือนคนประสานงานระหว่าง 2 ฝ่าย
ซึ่งในช่วงที่ตนเป็นเสมียนอยู่ด้านใน ก็เคยมีเรื่องร้องเรียนจากนักโทษบอกว่าผู้คุมเอาเปรียบอยู่บ้าง ใช้อำนาจแบบศาลเตี้ยกลั่นแกล้งนักโทษ มีการเเบ่งชนชั้น มีการทำร้ายร่างกายบ้าง เเต่ไม่ได้รุนเเรง อาจจะมีการใช้มือตบศีรษะบ้าง นอกจากจะเกิดเหตุทะเลาะวิวาทเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นจะต้องควบคุมสถานการณ์เเล้วเเต่กรณีๆไป ไม่มีการเรียกมาเเกล้งเลย
ส่วนเรื่อง “การเก็บยอด” ก็มีบ้าง เช่นการที่นักโทษแกล้งกันเอง เเต่ก็จะไม่ค่อยมี ถ้ามีแสดงว่าคนๆนั้นจะต้องสุดแล้วจริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วในเรือนจำจะมี “พ่อบ้าน” พูดง่ายๆ คือนักโทษที่เป็นคนคุมนักโทษด้วยกันอีกที ของเเต่ละบ้าน ถ้าหากมีนักโทษคนไหนประพฤติตัวไม่ดี ผู้คุมก็จะไปบอกพ่อบ้านให้เข้าไปดูแลหน่อย ไปจัดการหน่อย คลัายกับให้นักโทษดูแลกันเองมากกว่า
ส่วนกรณีการฆ่าตัวตาย เท่าที่ตนเคยอยู่ในเรือนจำมาตนเคยเห็นแค่ 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกตนเห็นเองกับตาคือผู้ต้องขังผูกคอตายอยู่ที่บริเวณราวตากผ้า ด้านนอกเรือนนอน โดยมีการใช้เชือกกางเกงผูกคอนั่งลงกับพื้น เหมือนคนนั่งหลับธรรมดา ส่วนอีกกรณีหนึ่งเป็นเคสกินน้ำยาล้างห้องน้ำ
ส่วนเรื่องผ้าขนหนู มายด์ พูดนอกรอบว่า ปกติเเล้วผ้าขนหนูยืนยันว่า เป็นผ้าผืนเล็ก ไม่มีผืนใหญ่ ซึ่งเป็นกฎระเบียบเดียวกันทั้งหมด
สำหรับกรณีของผู้กำกับโจ้ จากมุมมองของตน ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะปลิดชีพตัวเอง แต่ก็ต้องดูว่าเหตุผลในการปลิดชีพของเค้าคืออะไร เพราะตนมองดูแล้วเขาเป็นคนที่มีพร้อมทุกอย่าง ถ้าหากพ้นโทษออกจากเรือนจำมาก็ยังมีครอบครัวที่คอยซัพพอร์ตดูแล เเต่อาจจะมีอย่างอื่นกดดันหรือไม่ เพราะว่าฟังจากข่าว เขามีปัญหากับผู้คุมเรือนจำ
ส่วนคำว่า ”ใบสั่ง“ สั่งเก็บปลิดชีพ ตนแค่เคยได้ยินเท่านั้น แต่ในช่วงที่ตนเคยอยู่ในเรือนจำยังไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
Advertisement
