ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ว่า ตนได้สั่งการให้ทางกรมราชทัณฑ์ให้ความร่วมมือกับตำรวจ และเร่งรัดให้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและตรงไปตรงมา ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์นั้นจะดูเรื่องการสอบสวนภายใน แต่การสืบสวนสอบสวน คดีการร้องทุกข์ และคดีการตายนั้นเป็นของตำรวจ
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่าขณะที่ญาติได้เข้าเยี่ยมก่อนอดีตผู้กำกับโจ้ เสียชีวิต มีลักษณะโวยวาย ตรงนี้มีข้อมูลหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า โดยปกติเรือนจำทุกแห่ง เมื่อญาติไปเยี่ยม จะไม่มีการเผชิญหน้าจะเยี่ยมผ่านโทรศัพท์ ระเบียบจะมีการบันทึกการสนทนา ขณะที่ญาติเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง แต่หลักฐานทั้งหมดจะต้องถูกเก็บเป็นความลับ ต้องได้รับอนุญาตจากญาติที่มาสนทนา แต่หากเป็นเหตุการณ์และมีหน่วยงานที่ต้องการใช้ตามกฎหมาย เช่น หมายศาล พนักงานสอบสวนหรืออัยการร้องขอ ทางเราก็ให้ความร่วมมือ แต่หากเป็นทนายความเข้าไปคุยกับผู้ต้องขังเกี่ยวกับคดีนั้นจะไม่มีการบันทึกการสนทนา พร้อมย้ำว่าโดยปกติการสนทนาในลักษณะนี้จะไม่มีการเปิดเผย แต่หากมีเหตุความสำคัญก็จะทำการเปิดเผย
ส่วนที่มีข้อมูลว่าพบข้อความสนทนาบางอย่างที่อาจนำไปสู่แรงจูงใจในการก่อเหตุ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการสอบสวน
ส่วนภาพกล้องวงจรปิดจะสามารถเปิดให้ประชาชนได้หรือไม่นั้น พ.ต.อ. ทวี ระบุว่า ขณะนี้อยู่ที่พนักงานสอบสวน เพราะทางกรมราชทัณฑ์ได้ส่งภาพกล้องวงจรปิดทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว เราไม่ได้มีการปิดบังอะไรและในส่วนที่ตำรวจขอภาพกล้องวงจรปิดย้อนหลังก่อนเกิดนั้น ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับรายงานถึงปัญหา และบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหากติดปัญหาในส่วนไหนให้แจ้งมาทันที ซึ่งหากตำรวจมีการร้องขอทางกรมราชทัณฑ์ ยินดีให้ความร่วมมือ แต่ต้องให้ความเห็นใจเจ้าหน้าที่เพราะระบบเทคโนโลยีข้างในมีผู้ต้องขัง 6,000 กว่าคน ซึ่งกฎเกณฑ์การดูแลจากที่ตนได้สอบถามกับอธิบดีราชทัณฑ์ ยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง
สำหรับกรณีที่พนักงานสอบสวน กล่าวว่า ขณะที่เข้าไปพบศพนั้น พบว่าศพไม่ได้อยู่ในสภาพที่แขวนคอแล้ว พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการปฏิรูปทั้งหมด เพราะตามระเบียบเดิมเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพเท่านั้นที่จะแตะศพครั้งแรกได้ คือเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ ยกเว้นกรณีการเข้าไปช่วยเหลือก่อนเสียชีวิต โดยการเข้าไปต้องรอให้ครบ 4 หน่วย และเมื่อเป็นช่วงเวลากลางคืนก็ต้องดูเหตุผลว่าเหตุใดจึงเกิดความล่าช้า
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นการทำลายพยานหลักฐานหรือไม่พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่าว่า “ตนไม่ปล่อยให้มีการทำลายพยานหลักฐาน” ส่วนศพที่ไม่ได้อยู่ในสภาพแขวนคอนั้นย้ำว่า เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพเขามีความรู้อยู่แล้ว และผู้ชันสูตรพลิกศพจะมีการบันทึกไว้ รวมถึงขอให้ตรวจ DNA โดยขอให้รอผลการตรวจสอบ
ส่วนการสอบผบ.เรือนจำ และผู้คุมนั้น ขณะนี้กำลังเร่งรัดโดยให้ทางปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นหัวหน้าคณะในการตรวจสอบว่าจะเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือไม่ โดยจะมีหน่วยงานภายนอกร่วมตรวจสอบด้วย และต้องให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่าเราจะทำตรงไปตรงมา
เมื่อวานนี้ทางญาติได้ไปร้องกับ DSI จะมีการพิจารณาเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า ส่วนใหญ่ก็จะต้องรอผลการชันสูตรพลิกศพก่อน ส่วนการบริหารการปกครองสั่งการให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมลงไปดูแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มีแม่ไปร้องที่ DSI ว่าลูกชายติดคุกคดียาเสพติดที่เรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี และถูกผู้คุมทำร้ายโดยมีหลักฐานเป็นจดหมาย หวั่นซ้ำรอยผู้กำกับโจ้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนทราบว่ามีเหตุการณ์เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน ปี 2568 และนอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่มาร้องในลักษณะเดียวกันจำนวนมาก ก็ถือเป็นโอกาสดี เนื่องจากระบบราชการจะต้องมีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ ซึ่งเรื่องที่มีการร้องเรียนก็จะต้องมีการสอบสวน ตนต้องการให้เรือนจำเป็นสถานที่พัฒนาผู้ต้องขังเพื่อให้กลับสู่สังคมได้
Advertisement