หมอพรทิพย์ สืบจากศพ ผกก.โจ้ จับพิรุธปมเสียชีวิต
พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สืบจากศพ จับพิรุธการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ ทำตัวเองหรือคนอื่นทำกันแน่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จากกรณี ที่ สน.ประชาชื่น ได้รับแจ้งเหตุผู้ต้องขังทำร้ายตัวเองภายในเรือนจำ วันเวลารับแจ้งเหตุ 7 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 23.00 น. สถานที่เกิดเหตุ ห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอนแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ผู้เสียชีวิต พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ โจ้ อุทธนผล อายุ 43 ปี โดยระบุว่าผู้ต้องขังฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอภายในห้องขัง ซึ่งต่อมาญาติไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย
ซึ่งต่อมานายเผด็จ เร่งรอด ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม ได้ลงนามคำสั่งย้าย "นายสิทธิพร " พ้นจากตำแหน่งหัวหน้างานควบคุมแดน 7 หลัง พร้อมเร่งสอบสวนข้อเท็จจริง ตามที่ได้เสนอข่าวมาก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวของเราได้พูดคุยกับ พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยถึงคดีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ ว่าอยากให้กรมราชทัณฑ์มีการชี้แจง รายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยก่อนหน้านี้ทางกรมราชทัณฑ์ ได้รีบออกมาชี้แจงเกินไป โดยเฉพาะเรื่องกล้องวงจรปิด เรื่องขนาดของผ้า และโรคของผู้กำกับโจ้ ซึ่งที่ผ่านมามีความคลาดเคลื่อนอยู่หลายจุด ทำให้สังคมเกิดการตั้งคำถามว่ามีการปกปิดข้อมูลอะไรหรือไม่
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ผ่านไปนานกว่า 12 ชั่วโมง หลังผู้กำกับโจ้เสียชีวิต ในช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มของวันที่ 7 มีนาคม แต่ทำไมถึงมีการแจ้งตำรวจ เข้าตรวจสอบในช่วงสายของวันที่ 8 มีนาคม และเมื่อทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาถึงร่างของผู้กำกับโจ้ ไม่ได้อยู่ในสภาพเดิม โดยทางกรมราชทัณฑ์ อ้างว่ามีการตัดผ้าที่ใช้ผูกคอ เพื่อช่วยชีวิต โดยจุดนี้อยากให้กรมราชทัณฑ์ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด ทั้งเรื่องเวลาที่เจ้าหน้าที่ที่มาพบว่าผู้กำกับโจ้ผูกคอในห้องขัง เจ้าหน้าที่ตัดผ้าช่วยชีวิตกี่โมงและมีการแจ้งทีมแพทย์หรือไม่
สำหรับลักษณะการแขวนคอ รัดคอ และถูกบีบคอ มีความแตกต่างกัน โดยหากผู้กำกับโจ้ถูกรัดคอ แนวของวัตถุที่รัดจะเป็นแนวระดับหรือขนาน แต่ถ้าผู้กำกับโจ้แขวนคอ แนวของวัตถุจะเฉียงขึ้น และหากถูกบีบคอ จะมีรอยช้ำบริเวณลำคอ หรือมีรอยช้ำภายในกล้ามเนื้อ
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ารอยที่วัตถุรัด มีแนวโน้มเป็นแนวระดับหรือแนวขนาน จึงไม่อยากให้รีบด่วนสรุปว่า ผู้กำกับโจ้ตัดสินใจผูกคอตัวเองเสียชีวิต
ซึ่งหากผู้กำกับโจ้ตัดสินใจแขวนคอด้วยตัวเอง วัตถุไปถูกบริเวณเส้นเลือดดำ ผู้กำกับโจ้ใบหน้าจะต้องมีสีเข้ม มีเลือดออกบริเวณดวงตาและผิวหนัง แต่ถ้าหากวัตถุไปถูกบริเวณหลอดลม ผู้กำกับโจ้จะต้องลิ้นจุกปาก และถ้าวัตถุไปโดนเส้นเลือดแดง จะไม่ส่งผลอะไรกับร่างกาย เนื่องจากจะทำให้หัวใจหยุดเต้น
นอกจากนี้ทีมแพทย์นิติเวชที่ทำการผ่าชันสูตร ไม่ได้ระบุว่าผู้กำกับโจ้เสียชีวิตแบบใด ทำให้เชื่อว่าลิ้นไม่จุกปาก หรือ ใบหน้าคล้ำ
ทำให้เหลือ 2 ทฤษฎี คือผู้กำกับโจ้ระหว่างแขวนคอวัตถุไปโดนเส้นเลือดแดง ทำให้เกิดหัวใจหยุดเต้น หรือ ผู้กำกับโจ้เสียชีวิตก่อนแล้วถูกจับแขวนคอ
ส่วนกรณีคราบเลือดต้องสงสัยบนพื้นห้องขัง "ผู้กำกับโจ้" ที่ทางตำรวจมีการคาดการณ์ว่าเลือดดังกล่าวอาจเกิดจากสัตว์กัดแทะ และไปเปื้อนพื้นห้องขัง พญ.พรทิพย์ ยืนยันว่าหากผู้กำกับโจ้เสียชีวิตแล้วหากถูกสัตว์กัดแทะ จะไม่มีเลือดไหลออกมา เนื่องจากเลือดจะหยุดไหล โดยมองว่าอาจเป็นน้ำคัดหลั่งที่ไหลออกมาจากร่างกายหรือไม่
พญ.พรทิพย์ เปิดเผยอีกว่าก่อนหน้านี้ในอดีต เคยได้ยินจากทีมกู้ภัยที่เคยเข้าไปนำร่างของนักโทษออกมา พบว่าบางรายนักโทษเสียชีวิตวันศุกร์ แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับการประสานเข้าไปเก็บศพอีกทีคือช่วงเช้าวันจันทร์ ซึ่งใช้ระยะเวลานานเกินไป สำหรับการตรวจพยานหลักฐานและสภาพศพ ยิ่งสามารถเข้าไปตรวจพื้นที่ได้โดยเร็ว พยานหลักฐานทุกอย่างจะไม่สูญหายและถูกทำลาย
ส่วนกรณีการผ่าชันสูตรศพ คือการหาข้อสรุปและสาเหตุว่าเกิดจากการเสียชีวิตแบบใด โดยการผ่าแต่ละครั้ง ต้องอยู่ที่วัตถุประสงค์ ว่าต้องการตรวจสอบอะไร การผ่าครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง ก็มีความแตกต่างกัน โดยการผ่าครั้งที่สองจะมีข้อจำกัดมากกว่าครั้งแรก เพราะศพถูกผ่าไปแล้ว ศพจะเปลี่ยนแปลงทั้งลักษณะอวัยวะภายในและลักษณะทางกาย โดยเฉพาะการตรวจหาสารในกระเพาะอาหาร
Advertisement
