เมื่อเวลา 01:10น. วันที่ 23 มี.ค.68 พ.ต.ท.อนุวรรษ รักษายศ สารวัตรสอบสวน สภ. เมืองสุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตภายในซอยการุณราษฎร์ 20 เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกันและปราบปรามชุดสืบสวนพิสูจน์หลักฐาน 8 แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี
จากการตรวจสอบบริเวณหน้าบ้าน245 ม.4 ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี บริเวณหน้าบ้านพบร่างนาย ธีรวุฒิสี ขาว อายุ 46 ปี มีแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด แขนข้าง ซ้ายอีก 1 นัด นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้กัน พบโทรศัพท์มือถือตกอยู่ 2 เครื่องฆ้อนขนาดเล็กตกอยู่อีก 1อัน บริเวณรั้วหน้าบ้านพบรอยกระสุนเข้าที่เสาอีก 1นัด ริมถนนหน้าบ้านพบผัวกระสุนไม่ทราบขนาดตกอยู่หนึ่งหัวเจ้าหน้าที่จึงชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้นก่อนนำร่างร่างส่งชันสูตรต่อที่นิติเวชโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ ไปพบซองใส่อาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนขนาด.38 อีก 6 นัด ถูกซุกไว้ริมถนนหน้าบ้านฝั่งตรงข้าม นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดเสื้อเกาะกันกระสุน ภายในบ้านพร้อมด้วยตู้เซฟอีกหนึ่งลูกไปตรวจสอบ
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือนายเจษฎา สีขาว อายุ29ปี ซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆ ของผู้เสียชีวิต
โดยญาติได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า นายเจษฎามีพฤติกรรมติดยาเสพติด ทำให้มีนิสัยก้าวร้าวชอบหาเรื่องคนในครอบครัว และชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงอยู่เป็นประจำ
ซึ่งช่วงเกิดเหตุคาดว่า นายเจษฎาเกิดความเครียด เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ทำร้ายคนในครอบครัว จนทำให้ถูกแจ้งความดำเนินคดี
และเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ส่งหมายเรียกนายเจษฎาไปรับทราบข้อกล่าวหา จึงทำให้เกิดความอาฆาตแค้นคนในครอบครัวจนมาลงมือก่อเหตุยิงจนเสียชีวิตก่อนจะขับขี่มอเตอร์ไซค์หลบหนีไป
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อยู่ในระหว่างไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาเส้นทางหลบหนีของนายเจษฎา และได้ค้นหาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเนื่องจาก
คาดว่านายเจษฎาไม่ได้นำอาวุธปืนติดตัวไปในขณะหลบหนีและจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับมาดำเนินคดีต่อไป
ด้านนางเพชรมาศ แสงสิงห์ อายุ 63 ปี แม่ของผู้เสียชีวิตและเป็นญาติของผู้ก่อเหตุกำลังร้องไห้ ด้วยความโศกเศร้าเสียใจกอดศพลูกชายอยู่
ต่อมานางเพชรมาศเล่าว่า ลูกชายตนคือผู้เสียชีวิตเป็นคนเลี้ยงดูหลานชายคนนี้มาเองกับมือ แต่หลานชายเป็นคนเกเรไม่เอาไหน ชอบหาเรื่องทะเลาะกับคนในครอบครัวอยู่เป็นประจำ ซึ่งเกิดมาจากที่หลานชายติดยาเสพติด โดยแม้กระทั่งตัวเองผู้เป็นย่าก็เคยถูกหลานชายทำร้ายมาแล้วหลายครั้ง ก่อนเกิดเหตุลูกชายของตนได้เดินทางมาหาตนที่บ้าน ซึ่งปกติลูกชายก็จะมาเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว
โดยก่อนหน้านี้ลูกชายได้กลับไปตนก็ไม่คิดว่าลูกชายจะวกกลับมาเจอ กับหลานชายแล้วถูกหลานชายยิงตาย ซึ่งตอนนั้นตนก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด
แต่ตนคิดว่าหลานชายคงจะยิงปืนขึ้นฟ้าซึ่งเป็นปกติที่หลานชายทำอยู่แล้ว ตนก็ไม่ได้เปิดประตูมาดูแต่หลังจากสิ้นเสียงปืนไปเมื่อตอนเปิดประตูมาก็พบว่าหลานชายได้ยิงผู้เป็นอาเสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าบ้านแล้ว
นางกาหลง นาคพจน์ อายุ 47 ปี แม่เลี้ยงของผู้ก่อเหตุ เล่าว่านายเจษฎาเป็นคนที่ชอบหาเรื่องคนในครอบครัวอยู่เป็นประจำ โดยตนเองได้มีปัญหากับนายเจษฎาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องจากมีปากเสียงกับนายเจษฎาและถูกนายเจษฎาชกต่อยและเอาปืนมาขู่จะยิงหลัง จากนั้นตนก็ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีจนเป็นเหตุให้มีหมายเรียก มาถึงตัวนายเจษฎาในวันนี้และแม้กระทั่งพ่อของของตัวเองนายเจษฎาก็ยังต่อยมาแล้ว
นายนันธวุธ ไกรชู อายุ38ปี เพื่อนบ้านเล่าว่า โดยปกติแล้วตนเองรู้จักสนิทสนมกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดี ซึ่งตนยืนยันว่าที่ผ่านมาตัวนายเจษฎาผู้ก่อเหตุจะมีปัญหากับชาวบ้านในซอย
รวมถึงคนในครอบครัวอยู่เป็นประจำเกือบทุกวันบางครั้งถึงขั้นเอาปืนมายิงขู่หน้าบ้าน ตนเคยคิดและเคยพูดกับคนในครอบครัวของ นายเจษฎาว่าสักวันนึงจะต้องมีคนถูกนายเจษฎายิงตายแน่ก็ปรากฏว่าวันนี้มาถึงแล้วแต่สำหรับกับต้นนายเจษฎาไม่กล้าเข้ามามายุ่งเพราะตนก็อยู่เรื่องของตน และนายเจษฎารู้ดีว่าตนไม่ยุ่งเรื่องยาเสพติดอยู่แล้วเลยทำให้ไม่เข้ามาวุ่นวายกับตัวเอง
Advertisement