มิลค์-เลย์ ผัวเมียฆ่าหั่นศพฝังดิน ร่ำไห้สำนึกผิด ขอโทษครอบครัวเหยื่อ
ตำรวจคุมตัว ผัวเมียฆ่าหั่นศพฝังดิน ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เลย์ยังคงพูดคำเดิมฝากขอโทษครอบครัวผู้ตาย ด้านมิลค์ ร่ำไห้สำนึกผิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความคืบหน้าเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครปฐม กับคดีโหดฆ่าหั่นศพนางสาวปิยะวรรณ พงษ์เภา หรือ “แอน” อายุ 22 ปี หลังก่อนหน้านี้ผู้ตายหายตัวไปนานกว่า 18 วัน ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา สุดท้ายตำรวจตามเกาะรอยจากข้อมูลเบาะแสต่าง ๆ จนสืบทราบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ สองผัวเมียคนใกล้ชิดของผู้ตาย คือ นายณรงค์ชัย หรือ “เลย์” อายุ 26 ปี และนางสาวภัทราภรณ์ หรือ “มิลค์” อายุ 21 ปี
ล่าสุด วันนี้ (24 มี.ค.68) เมื่อเวลา 06.30น. พบว่า มี ตำรวจปฏิบัติการหน่วยพิเศษ 10 นาย ซึ่งจะมาช่วยดูแลพื้นที่ ในการทำแผนในวันนี้ ขณะที่เมื่อเวลา 07:00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นครชัยศรีได้คุมตัว นายณรงค์ชัย หรือ “เลย์” อายุ 26 ปี และนางสาวภัทราภรณ์ หรือ “มิลค์” อายุ 21 ปี มาทำแผน ในขณะที่ออกจากห้องขังที่ สภ. นครชัยศรี สื่อมวลชนพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจากการให้ปากคำของทั้งคู่
ในเบื้องต้น ต่างฝ่าย ต่างกล่าวอ้างว่า เป็นการกระทำของอีกฝ่ายที่เป็นคนทำร้าย นางสาวปิยะวรรณ หรือ แอน จนเสียชีวิต นอกจากนี้ทีมข่าวได้มีการถามทั้งคู่ว่า รักกันจริงหรือไม่ เนื่องจากต่างฝ่ายก็ต่างโยนความผิดให้กันและกัน โดยทั้งสองคนต่างนิ่งเงียบไม่ได้ตอบคำถามสื่อแต่อย่างใด
ต่อมา เจ้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ก่อเหตุ นายเลย์ และนางสาวมิลค์ (ผู้ต้องหา) มาที่พักสายตรวจ ตำบลดอนรวก ซึ่งเป็นเขตดูแลในพื้นที่ของสภ.ดอนตูม โดยมีกรมการปกครองอำเภอดอนตูมมาร่วมสังเกตการณ์ และตำรวจปฏิบัติการหน่วยพิเศษช่วยคุ้มกัน โดยบริเวณจุดดังกล่าว อยู่ห่างจากบ้านของนางสาวมิลค์ (ผู้ต้องหา) ซึ่งเป็นบริเวณจุดที่ฆาตกรรมนางสาวแอน (ผู้เสียชีวิต) ประมาณ 200 เมตร
สำหรับบรรยากาศบริเวณ ที่พักสายตรวจ ตำบลดอนรวก ได้มีชาวบ้านราวเกือบร้อยคน ต่างมาดูการจำลองทำแผนเหตุการณ์ในครั้งนี้ ขณะที่ทางเจ้าที่ตำรวจได้มีการคุมตัว นายเลย์ และนางสาวมิลค์ (ผู้ต้องหา) เข้าไปพูดคุยบริเวณที่พักสายตรวจ ทีมข่าวได้พยายามสอบถามผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน ว่ารู้สึกผิดรู้สึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ และอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ ซึ่งนางสาวมิ้ลค์ ไม่ได้มีการตอบคำถามใด ๆ มีเพียงนายเลย์ตอบกลับมาว่า ฝากขอโทษครอบครัวผู้ตาย จากนั้นทีมข่าวได้พยายามสอบถามย้ำอีกครั้งว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สรุปใครเป็นคนฆ่า ซึ่งผู้ต้องทั้งสองคนก็ไม่ได้มีการตอบคำถามใดๆ ก่อนที่ทางเจ้าที่ตำรวจจะคุมตัวเข้าไปที่บริเวณด้านในบริเวรที่พักสายตรวจ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวทั้งสองคน ไปทำแผนประกอบคำสารภาพ ทั้งหมด 3 จุด
จุดที่1 (จุดฆ่าและเอามาเผา) เป็นที่บ้านของ นางสาวภัทราภรณ์ หรือ มิลค์ โดยเป็นพื้นที่บริเวณด้านหลังบ้าน ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันพื้นที่ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปเก็บภาพ โดยทีมข่าวได้มีโอกาสสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ พบว่า นายเลย์ ได้เข็นรถเข็นมาบริเวณคอกวัว ก่อนจะเห็นรถเข็นมายังบริเวณจุดเผา โดยมีนางสาวมิลค์อยู่ข้างๆ หลังจากนั้นพบ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานถือขวดน้ำมัน ซึ่งคาดการณ์ว่าเป็นขวดน้ำมันที่ทั้งคู่ ได้ซื้อมาเผานางสาวปิยะวรรณ หรือ แอน (ผู้ตาย)
โดยหลังจากทำแผนจุดที่1 เสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำตัวนายณรงค์ชัย (เลย์) และนางสาวภัทราภรณ์ (มิลค์) ออกมาขึ้นรถ เตรียมไปทำแผนตรงจุดที่ 2 ทีมข่าวได้พยายามสอบถามทั้งสองคน ทั้งคู่ก็ได้พูดขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายณรงค์ชัย (เลย์) ได้บอกว่า “ ผมฟังแฟนผมมากเกินไป” ส่วนนางสาวภัทราภรณ์ (มิลค์) ได้บอกว่า “ขอโทษค่ะ” และเมื่อทีมข่าวได้สอบถามถึงเรื่องคุณพ่อที่อยู่ที่บ้านเกิดเหตุ เจ้าตัวก็มีอาการร้องไห้อย่างหนัก
จากนั้นระหว่างออกจากที่เกิดเหตุจุดแรก ก็มีชาวบ้านสาดน้ำใส่รถผู้ต้องหา และตะโกนด่าทอจนเกือบเกิดความวุ่นวาย ขณะเดียวกันคุณยายดาวเรือง ยายของมิลค์ ได้ร้องไห้ต่อหน้าสื่อมวลชน และมีอาการคล้ายจะเป็นลม ก่อนจะให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้รู้สึกผิดหวัง ที่หลานก่อเหตุแบบนี้ขึ้น ที่ผ่านมาพยายามเลี้ยงดูหลานอย่างดี แต่ไม่รู้ว่าทำไมโตขึ้นมาถึงมีจิตใจแบบนี้ วันนี้มันเสียใจมาก จนพูดอะไรไม่ออก ยืนยันว่าจะไม่ไปยื่นขอประกันตัว เพราะไม่มีเงิน และอยากให้หลานได้รับผลกรรมที่ก่อขึ้น
จุดที่ 2 (จุดต่อยคนตาย ก่อนนำตัวมาที่บ้าน) บนถนนหมายเลข 4041 ตำบลดอนรวก อยู่ริมคลองชลประทาน ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุ ประมาณ 1.6 กิโลเมตร ยังเป็นอีกจุดหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้การพื้นที่ไม่ให้ทีมข่าวเข้าใกล้ โดยทีมข่าวได้สังเกตการณ์อยู่ไกลๆ โดยมีการจำลองท่าชกผู้ตาย
จุดที่ 3 (จุดเอากระดูกบางส่วนมาทิ้ง) จุดสุดท้ายคือ คลองชลประทาน หลังเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้นำชิ้นส่วนของผู้เสียชีวิตบางส่วนไปทิ้งน้ำคลองชลประทาน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 2 กิโลเมตร ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลจังหวัดนครปฐมทันที
จุดที่ 3 (จุดเอากระดูกบางส่วนมาทิ้ง) จุดสุดท้ายคือ คลองชลประทาน หลังเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้นำชิ้นส่วนของผู้เสียชีวิตบางส่วนไปทิ้งน้ำคลองชลประทาน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 2 กิโลเมตร ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลจังหวัดนครปฐมทันที
ด้านพลตำรวจโทนัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองราย รับสารภาพว่า มีส่วนร่วมในการฆาตกรรมผู้เสียชีวิต และเผาทำลายศพ เพื่อให้ตนเองพ้นจากความผิด จึงมีการให้เจ้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานไปหาพยานหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น กล้องวงจรปิด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าตรงตามคำให้การของผู้ต้องหาที่ให้การไว้หรือไม่ ซึ่งทำแผน ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือดี ซึ่งก็เป็นปกติที่จะมีความรู้สึกกังวล แต่ก็ยินยอมที่จะชี้จุดทำแผนว่าได้ก่อเหตุอย่างไรลงไปบ้าง
ในส่วนมูลเหตุจูงใจ ยังเป็นเพียงคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาที่อ้างว่า ขัดแย้งเรื่องปมหนี้สิน และถูกผู้เสียชีวิตไปแจ้งความดำเนินคดีในหลอกโอนเข้าทำงานที่โรงพยาบาล อย่างไรก็ตามผู้ต้องหามีให้การที่ฟังดูมีเหตุผลสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏพอสมควร
Advertisement
