เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 1 เม.ย.68 สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการได้รับแจ้งว่า มีผู้ผูกคอเสียชีวิตอยู่บนต้นไม้ บริเวณที่ว่างเปล่าวภายในซอยสุขสวัสดิ์86(ซอยผสมศรี) แยกซอยที่ 3 หมู่ที่ 1 ต.ปากคลองบางปลากดอ.พระสมุทรเจดีย์จ.สมุทรปราการจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าวท้ายซอยบริเวณบนต้นแสมขาวที่ยืนตะหง่าสูงเกือบ 10 เมตรบริเวณกิ่งใหญ่สูงจากพื้นดินประมาณ 3 เมตร พบร่างผู้เสียชีวิตคือนายธีรเจต อายุ 25 ปี ใช้เชือกไนล่อนผูกคอตนเองกับกิ่งไม้ สภาพศพไม่สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงขาสั้นสีเทา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปืนขึ้นไปนำร่างผู้เสียชีวิตลงมาชันสูตรเบื้องต้น โดยตรวจสอบภายในกระเป๋ากางเก งพบโทรศัพท์มือถือสีดำ 1 เครื่อง และยังพบจดหมายลาตาย พร้อมบัตรประชาชนห่ออยู่ด้วยกัน
โดยภายในจดหมายเขียนตัดพ้อกับชีวิตตัวเองว่า “ตอนที่ไม่อยู่แล้วอยากจะบอกว่ารักทุกคนมากๆแต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้วที่จะมีชีวิตอยู่ต่อจากนี้ไม่อยากเป็นภาระกับทุกคน แม่จ๋าขอโทษนะที่เป็นลูกที่เลวไม่เคยดูแลแม่สร้างแต่ภาระให้ทุกคนเหนื่อยใจ ขอโทษนะครับที่ไม่ได้ดูแลแม่ตอนแก่ไม่อยากอยู่ต่อแล้วจริงๆขอโทษตาและยายด้วย ที่สร้างแต่เรื่องให้กับทุกคนให้ลำบากใจ รักตากับยายนะครับ แล้วก็แฟนสาวขอโทษที่ทำแบบนี้หมดหนทางแล้ว ขอโทษนะครับมีแต่คนช่วยเหลือ แต่กลับสร้างแต่ปัญหาไม่มีอะไรที่จะพูดนอกจากขอโทษจากใจ ขอโทษทุกคนที่ทำงานด้วยนะครับขอให้ทุกคนอโหสิกรรมให้ด้วย ถ้าชาติหน้ามีจริงขอชดใช้ทุกคนนะครับขอให้ทุกคนอโหสิกกรมให้ด้วย31/3/68 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงบันทึกภาพก่อนเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามนางยุพิน อายุ 58 ปี แม่ของผู้ตายกล่าวด้วยน้ำตานองหน้า ว่าผู้ตายทำงานเป็นหัวหน้างานขนส่งอยู่ภายในบริษัทผลิตสารเคมีแห่งหนึ่งย่านพระสมุทรเจดีย์ ผู้ตายมีปัญหาเรื่องเงินและหนี้สิน โดยเห็นผู้ตายครั้งสุดเมื่อเมื่องช่วงเวลาประมาณ 04.30 น.ที่ผ่านมา ทราบเพียงว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ก่อนที่จะหายตัวไปกระทั่งตอนเช้าตนและญาติช่วยกันเดินตามหา กระทั่งมาพบร่างผู้ตายแขวนคอกับต้นไม้เสียชีวิตแล้ว จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจาหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยให้รีบเดินทางมาช่วยเหลือส่วนชนวนเหตุน่าจะเรื่องปัญหาหนี้สินและเงินไม่พอใช้
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกภาพและลงบันทึกประจำวันไว้เบื้องต้นก่ อนมอบร่างให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งสถาบันนิติเวชเพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายอีกครั้ง พร้อมประสานญาติให้เดินทางไปติดต่อขอรับร่างผู้เสียชีวิตมาดำเนินการตามประเพณีต่อไป
Advertisement