“กู้ภัย”เจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว แต่ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม
“กู้ภัย”เจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว แต่ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม เดินหน้าเครื่องจักรเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่าจะนำร่างสุดท้ายออกมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความเคลื่อนไหวที่หน้าอาคารตึก สตง. แห่งใหม่ ย่านจตุจักร ช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ ตัวแทนอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เข้าไปปฎิบัติภารกิจค้นหาผู้สูญหายที่ยังติดอยู่ในซากอาคาร ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าว่า ล่าสุดการปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้สูญหายตั้งแต่ช่วงกลางคืนที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ แม้ในช่วงเช้าจะมีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่หลังจากฝนหยุดตกไปแล้ว ทีมปฎิบัติภารกิจก็ลุยเดินหน้าต่อ เพราะต้องยอมรับว่าเวลาตอนนี้ มันก็ผ่านไปมากแล้ว “ความหวัง” หลายคนก็เริ่มทำใจ ด้วยจากโครงสร้างของตึกที่พังถล่มลงมาในลักษณะรูปแบบนี้ โอกาสที่จะมีผู้รอดชีวิตน้อยมาก แต่อย่างไรก็ตาม เราก็จะไม่ทิ้ง ความหวัง”
ในส่วนการปฎิบัติงานวันนี้ หลังจากฝนหยุดตกแล้ว อย่างที่บอกว่า เครื่องมือหนักก็เดินเครื่องทันที ซึ่งช่วงเที่ยงที่ผ่านมาสามารถเปิดพื้นที่โซน C ได้ลึกมาก และเจอช่องหนึ่งที่สามารถเอานักกู้ภัยลงไปสำรวจได้ โดยทีมกู้ภัยผสมลงไปตรวจสอบ สามารถลงไปแนวดิ่งได้ถึง 5-6 เมตร พบว่าเป็นโถงและเป็นปล่องลิฟต์ ซึ่งทีมกู้ภัยที่ลงไปก็ประเมินหาอยู่นาน ก่อนจะพบว่า “กลิ่นแรงมาก” จึงพยายามที่จะหาจุดผู้ประสบภัยให้พบ แต่ก็ยังไม่เจอ เราก็เลยให้ทีมขึ้นมาก่อน แล้วมาร์คจุดไว้สำหรับพื้นที่โซน C ที่เจอ และจะให้เครื่องมือหนักเข้าไปลุย เพื่อเปิดพื้นที่ต่อ ยืนยันว่าเราจะนำผู้ประสบภัยเคสสีใด ๆ ก็ตามขึ้นมาให้ได้ “เราจะทำด้วยความระมัดระวัง นำทุกร่างออกมา”
นายอัญวุฒิ ยังบอกอีกว่า “ตอนนี้ทุกร่างที่เราเจอ ลักษณะเหมือนถูกสิ่งที่มีน้ำหนักขนาดใหญ่ทับ ร่างก็เลยมีลักษณะแหลก เวลาที่เราเก็บร่าง แม้จะเป็นเคสดำ พวกเรายืนยันว่าจะเอาทุกร่างมาให้ครบ”
นอกจากนี้ในช่วงกลางดึก ยังพบว่าเวลาเครื่องจักรหยุดทำงาน ส่วนใหญ่เราจะเจอพวกชิ้นอวัยวะหลายจุด มีทั้งมือ และส่วนอื่น ๆ จึงรวบรวมเอาไว้ และส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อให้แพทย์นิติเวช ตรวจ DNA ส่งคืนกับครอบครัวให้ครบ
ส่วนฝนที่ตกลงมา นายอัญวุฒิ ยืนยันว่า พื้นที่เป็นดินผสมกับปูน เวลาน้ำมันโดน มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะบางช่วงที่ฝนตก ทำให้ลดฝุ่นได้เยอะมาก รวมถึงอุณหภูมิก็เย็นลงด้วย แต่พอฝนหยุดตก กลับมาแดดออก อุณหภูมิก็กลับมาสูงขึ้น แต่น้ำมันก็ทิ้งคราบของเลนเอาไว้ให้การทำงาน จึงต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น เพราะตรงไหนที่ไม่แข็งแรง เจ้าหน้าที่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัง
ส่วนประเด็นที่มีทีมงานบางส่วนเริ่มถอนกำลังไปแล้วนั้น นายอัญวุฒิ ระบุว่า ตอนนี้มันเกิน 10 วันแล้ว ทีมค้นหาเล็ก ๆ เครื่องมือเล็ก อย่างทีมสุนัข K9 ก็ถอนกำลังออกไป เพราะน่าจะไม่ต้องใช้แล้ว น้องๆ สุนัขเองเขาก็ทำงานกันอย่างเหนื่อย จนหลายคนเป็นห่วง เพราะคนยังใส่รองเท้าได้ แต่สุนัขเท้าเปล่า เวลาถูกเรียกใช้ทำภารกิจ ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน เมื่อร้องขอ น้องๆ และเจ้าหน้าที่ผู้บังคับสุนัข เขาก็พร้อมช่วยสนับสนุนทำภารกิจเต็มที่
โดยตามกำหนดระยะเวลาการปฎิบัติงานเขาก็ 10 วัน ถือเป็นตามกำหนด หลังจากนี้เราก็จะเน้นใช้เครื่องมือจักรหนัก และทีมกู้ภัย รื้อโครงสร้างให้ใหญ่ที่สุด การค้นหาก็จะน้อยลง แต่ถ้าในขณะที่รื้อแล้วพบจุดไหนต้องสงสัย เครื่องจักรหนักก็จะหยุดทำงาน แล้วให้นักกู้ภัยเข้าตรวจสอบทันที ด้วยความระมัดระวัง
พร้อมยืนยันว่าการที่มีทีมเริ่มถอนกำลัง ไม่ได้ทำให้ส่งผลกระทบอะไร เพราะเราก็มีทีมหลัก ทั้งทีมสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ทีม ปภ. ทีมทหาร และทีมกู้ภัย ส่วนทีมที่เข้ามาสนับสนุนเป็นทีมเสริม ที่มีมีเครื่องมือพิเศษ มีอุปกรณ์ที่ทำให้เราเสี่ยงน้อยลง แต่ตอนนี้เราต้องเน้นเครื่องจักรหนัก และจะเน้นไปในพื้นที่ที่โซน B และโซน C
โดยโซนด้านหน้า คือ โซน A และโซน B เป็นโซนเปิดร่วม เราจะต้องใช้ความระมัดระวังมาก เพราะไม่งั้นโครงสร้างที่ข้างหน้ามันพังอยู่ เกิดเทราบลงมา หรือถล่มลงมาซ้ำ ก็จะเกิดอันตรายกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเชื่อว่าทุกวันนี้คนไทยทั่วประเทศยังส่งกำลังใจมาที่นี่ พวกเราก็จะนำทุกคนออกมาให้ได้
นายอัญวุฒิ ยอมรับว่า “ถ้าถามว่าเจ้าหน้าที่เหนื่อยไหม ทุกคนเหนื่อยมาก นอนน้อยมาก แต่ถามใครก็ไม่มีใครบอกว่าเหนื่อย แต่คำพูดว่าเหนื่อย ไม่มีสำหรับพวกเรา ตราบใดก็ตาม เราจะอยู่ จะทำงานจนกว่า จะเอาผู้ประสบภัยคนสุดท้ายออกมา แล้วเราจะกลับไปพักผ่อน กลับไปสแตนบาย”
ส่วนกระแสข่าวในโซเชียลที่หลายคนมองว่าการรื้อถอนนั้น ไม่มีความคืบหน้า นายอัญวุฒิ ระบุว่า เป็นเพียงแค่เสียงเล็กๆ แต่กำลังใจของคนส่วนมาก มีให้กับผู้ประสบภัยและให้กับทีมเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่าไม่เสียกำลังใจ แต่ต้องกลับมาดูว่าถ้าช้า เราก็คงจะต้องรีบ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ไม่ได้ช้าเลย เพราะบางทีตัวเองออกมานอกไซด์งานเพียงครู่เดียว พอกลับเข้าไปอีกครั้ง ก็ต้องตกใจที่การรื้อถอนมีความคืบหน้าไปมาก และตอนนี้เองเครื่องมือหนัก กำลังเดินหน้าเต็มที่ ซึ่งในส่วนของโซน C เราก็ให้ความหวัง หากเปิดโซนนี้ได้ แต่พอเปิดไปก็เจอทางตัน
ส่วนช่วงกลางดึก เวลาราว 5 ทุ่มที่ผ่านมา ผู้ควบคุมหน่วยงานทุกจุด ก็ระดมค้นหาครั้งสุดท้าย ทั้งสุนัข K9 ปีนไปทางข้างบน และข้างล่าง มุดลงไปทุกโครง จนเวลาตี 1 ก็พบผู้ประสบภัยที่ร่างถูกทับอยู่ในโซน B แต่ก็ยังเอาออกไม่ได้ เพราะเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ทับอยู่ และต้องบอกว่าวันแรกที่ปฏิบัติการ บางครั้งเจอจุดที่เจอร่างผู้ประสบภัยถูกทับ ซึ่งยืนยันได้ว่าเสียชีวิตแล้ว ก็ไม่ได้นำร่างออกมา เพราะต้องไปรื้อตรงจุดอื่นก่อน เพราะถ้าหากเอาตรงจุดที่ทับร่างออก อาจจะไปกระทบกับส่วนอื่น ทำให้เกิดความอันตราย
ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาว่าเกิดรถแบคโฮทรุดลงไปในดิน เนื่องจากเมื่อเช้านี้เกิดฝนตกหนัก นายอัญวุฒิ ตอบว่า “แบคโฮลุยขึ้นไป แต่ทรุดลงไปนั้น ไม่ได้ทรุดลงไปมาก เนื่องจากดินเป็นดินเลน ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเวลาเดิน จะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ยืนยันไม่มีใครได้รับอันตราย ตอนนี้ก็กำลังระดมคนมาช่วยนำแบคโฮขึ้น คาดว่าอีกสักพักนึง ก็น่าจะนำขึ้นมาได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องยาก”
และสำหรับการขนย้ายซากปรักหักพังที่มี 40,000 ตันตอนนี้ นายอัญวุฒิ ตอบว่า น่าจะมีการขนย้ายออกไปได้แล้วประมาณ 30% จากโครงสร้างทั้งหมด ยังเหลือฐานที่ถล่มอยู่ด้านหลังตรงโซน B และโซน C ตรงนั้นเป็นช่วงที่ค่อนข้างหนา ซึ่งหากมีร่างของผู้ประสบภัยอยู่ตรงบริเวณนั้น คาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพักนึงในการรื้อถอน
ขณะที่การแสดงสัญญาณชีพตอนนี้ เบื้องต้นพบว่าไม่มีแล้ว แต่ในส่วนของการใช้โดรนแสกนพื้นที่ เป็นเพียงแค่ภาพรวมที่ทำให้เห็นว่ามีผู้ประสบภัยติดอยู่ภายในซากอาคาร แต่ไม่รู้ว่าอยู่ในชั้นระดับไหน
Advertisement
