เมื่อเวลา 12.30 น. ที่สน.โคกคราม นายกฤษฎา โลหิตดี หรือทนายโนบิ พา คุณรัตน์ อายุ 42 ปี และลูกชายวัย 17 ปี เข้าพบพ.ต.ท.เดชาวัสส์ ขันกสิกรรม รองผกก.(สอบสวน) สน.โคกคราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ อดีสามี ที่หย่าร้างกันไปแล้วแต่เพราะความสงสารและควาทเป็นพ่อของลูกจึงชวนมาอยู่บ้านตัวเองนานกว่า 5 ปี แต่กลับถูกขโมยของสะสม กระเป๋า ไปขายจนหมดบ้าน ซ้ำด่าทอเสียๆหายๆ หนักสุดถือมีดขู่ไม่ให้ไปทำงาน จนต้องตัดสินใจบอกให้ฝ่ายชายกลับไปอยู่บ้าน แต่ถูกเรียกค่าเสียเวลา 3 แสน ยอมทำข้อตกลงจ่ายเงินสุดท้ายไม่ยอมย้ายออก
คุณรัตน์ เล่าว่า ตัวเองรู้จักกับอดีตสามีตั้งแต่ปี 48 มีลูกด้วยกันปี 50 และหย่ากันไปช่วงปี 57 ด้วยสาเหตุฝ่ายชายมีอารมณ์แปรปรวน ประกอบกับลูกกำลังโต เกรงว่าจะรับไม่ได้ ซึ่งตอนนั้นก็เคยขอเงินไปจำนวน 2 แสนบาทซึ่งตอนนั้นไม่มีเงิน สุดท้าย เขายอมหย่าให้โดยไม่ได้เรียกร้องอะไร กระทั่งปี 62 ตัวเองซื้อบ้านเลยชวนมาอยู่ในฐานะเพื่อน เพื่อให้มาช่วยดูแลลูก จนล่าสุดเหมือนเขาเริ่มมีรายได้น้อยลง พฤติกรรมเดิมๆก็เริ่มกลับมา เริ่มอารมณ์เสียใส่เธอ และลูกที่ต้องอ่านหนังสือสอบ จึงตัดสินใจบอกให้เขากลับไปอยู่บ้าน เขาจึงเรียกค่าชดเชยค่าเสียโอกาส 5 ปีจำนวนเงิน 3 แสนบาท และเขาเป็นคนเขียนข้อตกลงเองว่าจะย้ายออกภายในวันที่ 15 เมษายน 2568 หลังจากได้เงินครบ 3 แสนบาท แต่วันนี้ก็ยังไม่ออก ซ้ำยังขโมยของในบ้านไปขายหมด อย่าเช่นของสะสมเกือบ 1 แสนบาท
ถามว่าทำไมจึงยอมให้มาอยู่ที่บ้านทั้งๆที่เลิกกันไปแล้ว ส่วนนี้ตัวเองคิดว่าถึงจะเลิกกันไปแล้วเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ และเขาก็ยังมีความเป็นพ่อลูกเราอยู่ ประกอบกับที่บ้านเขาค่อนข้างแออัด ถ้ามาอยู่บ้านเราน่าจะดีกว่าในฐานะเพื่อน ซึ่งช่วยที่อยู่เ ขาก็มีรายได้จากการเป็นนายหน้าประกันภัย ขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่ดูแลบ้าน
มีบางวันถือมีดขู่ไม่ให้ไปทำงาน ด่าทอต่างๆนาๆให้เราเสียหาย จนทำให้ไม่อยากกลับบ้านทั้งๆที่เป็นบ้านตัวเอง ลูกก็ต้องเอาไปทำงานด้วย ตอนนี้กลัวความไม่ปลอดภัย เพราะเขามีกุญแจสามารถเข้าออกได้ ซึ่งก็ไม่รู้จะมาตอนไหนออกไปตอนไหน ที่ผ่านมาเคยขอเงินหลายครั้งแต่ก็ไม่กล้าพูดกล้าถามเพราะรู้ว่าถ้าถามก็จะทำให้เขาไม่พอใจ ครั้งนี้ทนไม่ไหวจริงๆ พยายามทำทุกอย่างยอมทุกอย่างที่เขาขอ เพื่อให้จบด้วยดีแต่สุดท้ายไม่เป็นอย่างที่คิด และที่ผ่านมาไม่เคยแจ้งความแต่ครั้งนี้ทนไม่ไหวจริงๆ วันนี้จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีเรื่องบุกรุก และลักทรัพย์
ด้านทนายโนบิ ระบุว่า ในส่วนของวันนี้จะต้องทำตามกฏหมายโดยจะเป็นการแจ้งความในความผิดฐานบุกรุก ลักทรัพย์ และข่มขู่ ซึ่งก็ต้องดูในหนังสือข้อตกลงด้วยว่ามีการข่มขู่เรียกเงินหรือไม่ ถ้ามีก็จะเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ ซึ่งในเรื่องดูแลความปลอดภัยทางท่านผู้กำกับสน.โคกคราม จะสั่งให้สายตรวจเข้าไปดูแลตรวจตราอย่างใกล้ชิด
“วันนี้คุณต้องมองว่าคุณอยู่ในฐานะพ่อต้องเป็นตัวอย่างที่ดีของลูก การที่คุณใช้คำว่าค่าเสียเวลา 5 ปี ไม่น่าจะเป็นคุณน่าจะเป็นแม่ลูก มากกว่ามี่ต้องเลี้ยงดูลูก และดูแลคุณตลอด 5 ปี วันนี้ถ้าคุณไม่ออกก็คงต้องย้ายไปอยู่ที่เรือนจำแทน”
ต่อมาเวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณบ้านที่เกิดเหตุในซอยนวมินทร์ 68 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสน.โคกคราม แต่ไม่พบตัวคู่กรณีแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าของบ้านได้นัดช่างมาติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม
กระทั่งเวลา 16.00 น. นายสันทน์ธนัท ได้เดินทางกลับมาที่บ้านก่อนจะเดินทางเข้าไปในบ้านแล้วเดินออกมาพร้อมกระเป๋าสีเหลือง หมวกกันน็อก 2 ใบ จากนั้นเดินไปขึ้นรถเก๋งมาสด้า 2 สีดำขับออกไปโดยระบุว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะกลับมาคุย
จากการตรวจสอบภายในบ้านทางลูกชายเจ้าของบ้านระบุว่ากล้องวงจรปิดในบ้านตัวเก่าถูกดึงออกไปด้วย
Advertisement