กัน จอมพลัง เผยถ้าลูกพีช จะเยี่ยมเหยื่อทำได้เลย แต่อย่าสร้างเงื่อนไข
กัน จอมพลัง ย้ำชัดได้รับมอบอำนาจจากครอบครัวตา-ยาย รถกระบะถูกต้อง บอก ลูกพีช หากจะเข้าเยี่ยม สามารถทำได้เลยไม่ติดขัด แต่อย่าสร้างเงื่อนไข
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จากกรณีที่นาย สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ พีช อายุ 28 ปี ผู้สมัคร สท.ลำลูกกา ทีมธัญญก้าวหน้า ลูกชายคนสุดท้องของ “นายกเบี้ยว” นาย กฤษฎา หลีนวรัตน์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี
ขับรถเก๋งหรู BMW ป้ายแดง ปาดหน้า นายประจักษ์ ดวงใย และนางสมศรี ดวงใย สองสามีภรรยา ลุงกับป้าที่ขับรถกระบะสีดำจนไปชนแบริเออร์ ทำให้ได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดที่ถนนกาญจนาภิเษกหมายเลข 9 บางนา-บางปะอิน มุ่งหน้าบางปะอิน กม.22 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
ต่อมา นาย สมิทธิพัฒน์ หรือ พีช ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา เพื่อรับทราบ 4 ข้อหาเรียบร้อยแล้วเมื่อคืนวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด ( 21 เม.ย.68) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวช หรือกัน จอมพลัง เดินทางเข้าเยี่ยม อาการ ตากับยาย คนขับรถกระบะคู่กรณีของลูกพีช คนขับรถ BMW
ก่อนลงมาเปิดเผยอาการล่าสุดว่า ในส่วนของคุณตาอาการยังทรงตัวไม่ดีขึ้น และค่อนข้างมีแนวโน้มแย่ลง เริ่มมีน้ำเข้าปอด แพทย์ต้องฉีดยาขับน้ำออกจากปอดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางโรงพยาบาลได้จัดทีมแพทย์เฉพาะทางคอยดูแล
ส่วนสภาพจิตใจตอนนี้ยังคงมีการหวาดกลัวหวาดผวา และเพ้อว่าจะมีคนมาทำร้ายจนถึงขั้นปฏิเสธการรักษา ถึงขั้นผู้อำนวยการโรงพยาบาลต้องเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจให้คลายความกังวล ซึ่งตอนนี้ทางคุณตาสามารถพูดโต้ตอบได้บ้างแต่ค่อนข้างที่จะลำบาก เนื่องจากทุกครั้งที่พูดจะมีอาการเหนื่อยและยังคงต้องใส่สายออกซิเจนตลอดเวลา
ส่วนทางคุณยายตอนนี้หมอยังให้พักรักษาตัวดูอาการไปซักระยะก่อน สภาพจิตใจก็ยังมีอาการหวาดกลัวเช่นเดียวกันกับคุณตา ซึ่งตัวเองในฐานะที่เป็นผู้รับมอบอำนาจจากทางครอบครัว ขอฝากไปถึงคนที่พูดไปเรื่อยสุ่มสี่สุ่มห้า ขอให้หยุดได้แล้ว มันสร้างความกระทบกระเทือนและสร้างความหวาดกลัวให้กับครอบครัว
สำหรับในส่วนของการพักรักษาตัวทางด้านคุณตา ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ภายในห้องไอซียูต่อไป อีกอย่างน้อย 7 วันส่วนคุณยายพักรักษาตัวดูอาการแล้ว จนกว่าจะมั่นใจและหากคุณตาออกจากห้องไอซียู ก็ยังจะคงให้คุณยายอยู่เฝ้าไปจนกว่าทั้งคู่จะออกจากโรงพยาบาลได้พร้อมกัน และที่น่าเป็นห่วงและเป็นสิ่งสำคัญคือ หลังจากคุณตาสามารถออกจากห้องไอซียูได้แล้วค่อนข้างที่จะตอบลำบากว่าจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติหรือไม่
นายกัณฐัศว์ บอกต่อว่า วันนี้นอกจากจะเข้าเยี่ยมอาการของทั้งคู่แล้ว ยังให้ความมั่นใจพร้อมนำทีมทนายความที่จะดูแลในส่วนของคดีไปจนกว่าคดีถึงที่สุด โดยมาย้ำให้มั่นใจว่าไม่ต้องกังวล และในวันนี้ตนเพิ่งจะทราบว่าทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้จัดหาอาหารเมือง ซึ่งเป็นอาหารทางเหนือมาให้คุณยายได้รับประทาน ทำให้คุณยายรู้สึกคลายความกังวลมากขึ้น ที่รับประทานอาหารถูกปาก
สำหรับในส่วนการเข้าเยี่ยมของนายสมิทธิพัฒน์ หรือ ลูกพีช หากต้องการจะเข้าเยี่ยมอาการของทั้งคู่ สามารถติดต่อมาที่โรงพยาบาลและสอบถามโดยตรงได้เลย ตัวเองได้ฝากเบอร์ของเลขาไว้กับทางโรงพยาบาลเพื่อให้เป็นคนกลางในการประสานกับครอบครัวอีกทาง ในเรื่องของการเข้าเยี่ยม ซึ่งในระยะแรกตัวเองต้องการที่จะไม่ให้เข้าเยี่ยมลำพังซึ่งต้องมีตัวเองหรือ คนของตัวเองอยู่ภายในห้องด้วย ซึ่งเรื่องนี้ตัวเองได้รับมอบอำนาจทุกอย่างถูกต้องจากทางครอบครัว
สำหรับการเข้าเยี่ยมขอให้ระบุให้ชัดเจนว่าต้องการที่จะพูดคุยในเรื่องไหนบ้าง ขออย่าสร้างเงื่อนไข ในการที่จะเข้าเยี่ยม รวมถึงเรื่องของการตอบคำถาม เพราะต่อให้ตัวเองไม่ได้อยู่ ก็จะมีทีมทนายที่จะอยู่ตลอดระยะเวลาของการเยี่ยม
เช่นเดียวกับในส่วนของเรื่องการรักษาพยาบาล หากต้องการจะรับรับผิดชอบก็สามารถติดต่อกับทางโรงพยาบาลได้เลย ซึ่งครอบครัวไม่ได้ติดขัดในเรื่องนี้ หากคู่กรณีต้องการจะแสดงเจตจำนงที่จะดูแลค่ารักษาพยาบาลเพราะปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลตอนนี้ในส่วนของตัวเองที่ชำระไปกับโรงพยาบาลแล้วเบื้องต้น อยู่ที่ประมาณ 130,000 บาท หากคู่กรณีมาดูแลรับผิดชอบเรื่องรักษาพยาบาลและต้องการหลักฐานจากทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้ติดขัด รวมถึงตัวเองและครอบครัวของตายาย ซึ่งหากจะนำไปใช้เป็นเหตุบรรเทาโทษก็เป็นสิทธิ์ พร้อมย้ำว่าทางครอบครัวไม่เคยปฏิเสธว่าไม่ให้เข้าเยี่ยม แต่หากคู่กรณีจะไม่ดูแลรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาตัวเองและมูลนิธิธรรมนัส พร้อมที่จะดูแลค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด
ในช่วงท้าย นายกัณฐัศว์ ยังระบุถึงเรื่องของจดหมายที่ก่อนหน้านี้คู่กรณีได้มีการฝากให้กับทางครอบครัวของตายายเรื่องนี้ตัวเองยังไม่รู้ว่าคุณยายได้อ่านหรือไม่ และข้อความในจดหมายนั้นระบุว่าอย่างไร แต่ที่น่าสังเกตคือได้มีการทำสำเนาจดหมายไว้อีกฉบับกับทางโรงพยาบาล และให้ทางโรงพยาบาลเซ็นรับ ซึ่งเรื่องนี้ทางครอบครัวก็ยังไม่เข้าใจ
Advertisement
