โดยหลังการประชุมกองอำนวยการร่วมสถานการณ์เหตุแผ่นดินไหวอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ในพื้นที่เขตจตุจักร ณ กองอำนวยการร่วม หน้าศูนย์การค้า เจ.เจ.มอลล์ ถนนกำแพงเพชร 2 โดยมี น.ส.ภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการร่วม เพื่อสรุปและวางแผนการทำงาน ในการกู้ซากอาคาร สตง. และ ค้นหาผู้สูญหาย จากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา
นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายและการรื้อถอนอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาวัดระดับความสูงของอาคาร สตง. โซน A และ D เหลือ 9.78 เมตร โซนC และB ความสูง 8.58 เมตร โดยวานนี้ เจ้าหน้าที่พบ 2 ร่างเพิ่มเติมในโซน C ซึ่งอยู่บริเวณบันไดและร่างค่อนข้างสมบูรณ์ และพบยังเพิ่มเติมเช้าวันนี้ 2 เคส เป็นจุด ใกล้เคียงกับที่เจอ 4 ร่าง เมื่อวานนี้
ขณะที่ แผนดำเนินการรื้อถอนซากอาคาร สตง. มีการเพิ่มเครื่องจักรหนักเข้ามาในพื้นที่ ขณะนี้มีรวมทั้งหมด 28 ตัว ใช้สับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ขับเครื่องจักรหนัก จาก สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักโยธา กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ทำงานต่อเนื่องเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งคาดว่าสิ้นเดือนนี้จะสามารถลดระดับลงได้ถึงชั้นหนึ่ง ขณะนี้ขนาดนี้เหลือเวลาอีกแปดวันคาดว่าจะทำได้สำเร็จ โดยการทำงานของเจ้าหน้าที่แม้มีอากาศร้อนจัดแต่เป็นอุปสรรค เนื่องจากมีการหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ทำงานตลอด และยังมีทีมแพทย์ที่คอยดูแลในพื้นที่
ด้านพล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. เปิดเผยด้วยว่า สำหรับการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ล่าสุดเจ้าหน้าที่ ปภ. สามารถดำเนินการค้นหาผู้เสียชีวิตรวบรวมได้ 50 ร่าง และมีการส่งคืนญาติเพื่อให้นำไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว 37 ร่าง ส่วนที่เหลือเมื่อวานนี้ได้มีการส่งคืนญาติไปอีก 3 ร่าง และเบื้องต้นการประชุมฯวันนี้จะดำเนินการส่งคืนญาติอีก 5 ร่าง หลังจากที่สามารถพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและยืนยันชื่อได้เรียบร้อยแล้ว ทำให้ล่าสุดสามารถส่งคืนญาติได้แล้วทั้งหมด 49 ร่าง ใกล้เคียงกับจำนวนผู้เสียชีวิตที่เจ้าหน้าที่ ปภ. สามารถดำเนินการค้นหาพบ
ขณะที่บางร่างที่ยังไม่สามารถปล่อยกลับคืนให้ญาติได้ เนื่องจากชิ้นส่วนร่างกายยังไม่ครบ แต่หลังจากการประชุมวันนี้จะมีการปรับแผนว่า หากพบชิ้นส่วนมนุษย์ที่สามารถยืนยันชื่อและระบุตัวตนได้แล้วว่าเสียชีวิต ก็จะพิจารณาส่งคืนญาติได้เลย เนื่องจากเข้าใจว่ายังมีญาติพี่น้องผู้สูญหายที่ยังคงเฝ้ารออยู่
ส่วนการหาสาเหตุและการกู้ซากอาคาร สตง. อยู่ระหว่างการเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่ง พฐ ไม่ได้ทำงานอยู่เพียงหน่วยงานเดียว ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทางนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นมา เพื่อที่จะสืบสวนหาข้อเท็จจริง ทั้งกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมอุตสาหกรรม ที่จะเข้าไปเก็บพยานหลักฐานพร้อมๆกัน ซึ่งต้องรอให้สามารถค้นหาพยานหลักฐานได้ครบก่อน จึงจะสามารถระบุสาเหตุของอาคาร สตง. ที่พังถล่มลงมาได้อย่างชัดเจน
Advertisement