จากกรณี แก๊งทวงหนี้โหด บุกกุฏิพระพรหมพงศ์ หรือพระโดม พระลูกวัดแห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองนนทบุรี ก่อนคว้าปืนตบหน้า และบังคับถอดจีวร ก่อนจะอุ้มไปกระทืบต่อ สาหัสปางตาย ขณะที่วัดรู้เรื่อง บุกถึงโรงพยาบาลจะให้สึกทันที
ความคืบหน้าล่าสุดทีมข่าวไปที่วัดจุดเกิดเหตุ เจอกับ นายเฉลิม วอนพร อายุ 64 ปี ลูกศิษย์วัด พาทีมข่าวไปดูกุฏิของพระโดม เป็นกุฏิทรงไทย อยู่หลังเดียว ภายในพบข้าวของพระโดม ที่ถูกทำร้าย แต่ที่ผิดสังเกตคือ มีหัวพอต บุหรี่ไฟฟ้า และบุหรี่ไฟฟ้า ขวดน้ำกระท่อม อยู่ภายในกุฏิด้วย
นายเฉลิม บอกว่า จริงๆพระโดม เป็นหลานชายตนเอง มาขอบวชช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองเคยตักเตือนแล้วว่า หากบวชในห้วงเวลาสั้นๆให้ปฎิบัติตัวให้ดี แต่กลับมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมพาเพื่อนมามั่วสุมจับกลุ่มที่วัด และที่หนักที่สุดคือวันที่ 12 เมษายน พากลุ่มเพื่อนมามั่วสุมจับกลุ่มมีอาการมึนเมา แทบจะเดินไม่ได้ ตนเองจึงเข้าไปต่อว่า และถามว่าเล่นตัวไหนมา แต่พูดไม่รู้เรื่อง ครอบครัวจึงมาคุยเจรจากับเจ้าอาวาสกัน และรับปากจะปรับปรุงตัว ในระหว่างที่รอวันสึก 6 พฤษภาคม แต่หากมีเรื่องมีราวอีกจะต้องสึก
จนสุดท้ายก็ถูกอุ้มตัวไปถูกทำร้ายร่างกาย แต่กลับมาโทษที่วัดว่าไม่มีใครดูแลช่วยเหลือ ซึ่งตามเวลาเกือบ 5 ทุ่มไม่มีพระรูปไหนตื่นมาเห็นแน่นอน และหลังถูกทำร้าย ก็นั่งแท๊กซี่กลับบ้าน ไม่ได้มาขอความช่วยเหลือที่วัดเลย แต่นางสาวจุฑาทิพ กลับมาร้องเรียนโยนความผิดให้กับวัดว่าไม่ดูแลช่วยเหลือ
และที่ตนเองกับพระลูกวัดไปที่โรงพยาบาลเพื่อไปสึกพระโดม เพราะได้พูดคุยตกลงกันแล้วว่าต้องสึก และเป็นเรื่องราวทางคดีอาญา ประกอบกับรักษาตัวอยู่ การสึกจากพระจึงเหมาะสม ไม่ได้เกี่ยวกับกลัวชื่อเสียงวัดเสียหาย หรือจะจัดงานอะไร ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย
และที่ตนเองกับพระที่วัดต้องให้เคลียร์กันภายในเ พราะว่าปมสาเหตุการอุ้มตัวไป ที่บอกว่าเงินกู้ 10,000 บาท เป็นเงินกู้ตามปกติทั่วไปหรือไม่ เพราะถ้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่สืบเสาะไปคนที่เสียหายก็คือ ตัวพระโดมเอง ที่ต้องถูกสอบสวน
Advertisement