กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.พิชญากร แตงรอด สว.กก.5 บก.ปอศ.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ.ร่วมกันกล่าวโทษนายเชิด (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ในความผิดฐาน ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และกระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่ การใช้ความรุนแรง หรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้ เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของลูกหนี้หรือผู้อื่น พร้อมตรวจยึด ดังนี้
1.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง
2.แท็บเล็ต จำนวน 1 เครื่อง
3.สมุดจดบันทึก จำนวน 1 เล่ม
4.บัตรกดเงิน ATM จำนวน 26 ใบ
โดยจับกุมได้ที่หอพักแห่งหนึ่ง ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการ กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เกี่ยวกับเจ้าหนี้นอกระบบ ซึ่งปล่อยเงินกู้ใน พื้นที่ จ.สมุทรสาคร และมีพฤติการณ์ข่มขู่ลูกหนี้ ซึ่งบุคคลดังกล่าวเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมาก โดยจะต้องจ่ายดอกเบี้ยคิดเป็นร้อยละ 280 ต่อปี อันเป็นการคิดดอกเบี้ยที่เอารัดเอาเปรียบ ซ้ำเติมประชาชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จึงได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน จนพบว่าผู้ต้องหาได้ปล่อยเงินกู้ภายในโรงงานที่ตนเองทำอยู่ โดยกลุ่มเป้าหมายเน้นไปที่พนักงานบริษัทที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และ ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนถูกกฎหมายได้ รวมถึงขั้นตอนการอนุมัติไม่ยุ่งยาก และไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตน และไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน ซึ่งเมื่อตกลงกันได้แล้ว ในบางรายผู้ต้องหาจะยึดบัตร ATM เงินเดือนลูกหนี้พร้อมรหัสบัตรเป็นประกัน จากนั้นถึงจะส่งเงินไปให้ หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ก็จะมีการนำบัตรเงินเดือนลูกหนี้ไปกดเงินสดออกมา หรือใช้วิธีการโพสต์ประจานในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้เกิดความอับอาย ซึ่งการกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสืบสวนจนทราบแหล่งที่พักของผู้ต้องหา จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจาก ศาลจังหวัดสมุทรสาคร และนำกำลังเข้าตรวจค้นที่พักของผู้ต้องหาซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร โดยได้ทำการตรวจสอบและตรวจยึดสิ่งของที่เชื่อว่าได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิดเป็นพยานหลักฐานในคดี ซึ่งจากข้อเท็จจริงดังและพยานหลักฐานที่ตรวจพบเชื่อว่า ผู้ต้องหาได้ปล่อยเงินกู้โดยจะเรียกเก็บดอกเบี้ยจากผู้กู้คิดเป็นดอกเบี้ย ร้อยละ 280 ต่อปี และมีพฤติการณ์โพสต์ประจานลูกหนี้ จากนั้นพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. จึงได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาให้นายเชิดฯ รับทราบ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
สอบถามคำให้การเบื้องต้น นายเชิดฯ รับว่าตนเป็นนายทุนปล่อยเงินกู้ให้กับผู้ที่สนใจและต้องการเงินทุนในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยทำมาแล้วประมาณ 3-4 ปี โดยเน้นเพื่อร่วมงานภายในโรงงานเดียวกัน เมื่อลูกหนี้ชำระล่าช้าจะโพสต์ประจานลูกหนี้ในเพจเฟซบุ๊ก หรือบางรายจะมีการยึดบัตรเอทีเอ็ม พร้อมรหัสบัตรไว้เป็นประกัน กรณีลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบซึ่งมีความเสี่ยงเป็นการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากต้องรับภาระดอกเบี้ยที่สูงกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และยังอาจเสี่ยงต่อการถูกข่มขู่ คุกคามจากการทวงถามหนี้จนเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายต่อชีวิตร่างกายและทรัพย์สิน
Advertisement