จากกรณีวันที่ 13 พ.ย. 63 เมื่อเวลา 02.15 น. คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงเจ้าของบ้านพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ที่เกิดเหตุพบศพนายมนัส ไพรพฤกษ์ หรือ บ่าว อายุ 60 ปี เจ้าของบ้าน จมกองเลือดอยู่ในรถเก๋ง สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิด M16 เข้าที่ชายโครงซ้าย 2 นัด เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล
พบปลอกกระสุนปืนชนิด 5.56 ตกอยู่ 2 ปลอก ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนคนขับคือ นายรุจิโรจน์ ไพรพฤกษ์ หรือ กิ๊ฟ อายุ 29 ปี ลูกชายของผู้ตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกันเข้าที่แผ่นหลัง 1 นัด ล่าสุดเสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาล
ร.ต.อ.วินิจ ภักดีวานิช รองสว.สอบสวน สภ.บางแก้ว จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้อยู่ในเหตุการณ์อีก 1 คน ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตและพยานปากสำคัญ ยังคงมีอาการหวาดผวา และจำได้เพียงว่าคนร้ายใส่หมวกไหมพรมเท่านั้น จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าขณะที่สองพ่อลูกและเพื่อนลูกชายอีกคนกำลังเดินทางกลับบ้านด้วยรถยนต์ มีคนร้ายเป็นชาย 2 คนดักรอใช้อาวุธจี้บังคับให้ผู้ตายส่งทรัพย์สินมีค่าให้ แต่ทางผู้ตายไม่ยอม จึงเกิดการยื้อแย่งต่อสู้กัน คนร้ายจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงใส่สองพ่อลูก ที่นั่งอยู่ในรถยนต์เก๋งหลายนัด คนร้ายได้เงินสดและทองไปจำนวนหนึ่ง
ล่าสุด วันที่ 14 พ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง พบว่าญาติได้นำ 2 ศพฝังตามพิธีกรรมทางศาสนาเรียบร้อยแล้ว
น.ส.จริยา บุตรรักษ์ อายุ 37 ปี เพื่อนบ้าน เล่าวว่า จุดที่คนร้ายหนีไปจะเลี้ยวขวาไปทางป่าปาล์ม ห่างจากตัวบ้าน 50 เมตร มุ่งหน้าได้หลายทาง ประกอบกับเหตุเกิด ตอนตี 2 จึงไม่มีใครเห็นเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีไป ช่วงนั้นตนสะดุ้งตื่น ได้ยินเสียงปืนดังสนั่น คิดว่ามีขโมยขึ้นบ้านเพื่อนบ้านจึงออกมาดู เห็นนายมนัสนอนพิงอยู่บนรถ สภาพเลือดออกที่หน้าอกและข้อเท้าซ้าย นั่งนิ่งพูดโต้ตอบไม่ได้ ในรถเลือดเลอะเต็มเบาะ บอกว่า "บอกผมจะตายแล้ว เจ็บ ๆ" กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่านายมมัสและลูกชายเป็นคนดีมาก มีแต่คนรัก ชอบช่วยเหลือคนอื่น มั่นใจว่าคนร้ายต้องเป็นคนใกล้ตัว เพราะรู้เวลาเข้าออกบ้าน จึงมาดักก่อเหตุ ปกตินายมนัสจะให้เพื่อนมาส่งบางวันก็ให้ลูกไปรับ ซึ่งวันเกิดเหตุ 12 พ.ย. 63 นายมนัสออกจากบ้านไป 20.00 น. และกลับมาเวลา 02.15 นาที ของวันที่ 13 พ.ย. ก่อนถูกยิงจนเสียชีวิต ตนมั่นใจว่าคนร้ายหวังชิงทรัพย์แน่นอน เพราะรู้ว่านายมนัสพกเงินเยอะ ได้เงินสดไป 970,000 บาท ทอง 15 บาท มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท
นอกจากนี้ ตนมองว่า คนร้ายทำเกินไป หวังชิงทรัพย์สินก็ไม่น่าฆ่ากันตาย แต่นายมนัสขัดขืนพยายามไม่ให้เงิน และโยนกระเป๋าเงินให้ลูกชาย จึงถูกใช้ปืนตบที่ศีรษะและยิงจนเสียชีวิต ส่วนลูกก็จะเอากระเป๋าหนีก็ถูกยิงที่หลัง จนกระสุนแตก สุดท้ายตนอยากให้ตำรวจเร่งตามตัวคนผิดมาดำเนินคดี คนตายจะได้ไม่ตายเปล่า เพราะตนสงสารมาก
ด้านนางสวยนะ ไพรพฤกษ์ อายุ 66 ปี พี่สาวนายมนัส ป้าของนายรุจิโรจน์ ผู้ตาย กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าคนร้ายดักซุ่มอยู่ ไม่น่าจะขี่ตามประกบ เพราะปกติหลานชายและน้องชายที่ตาย เวลาขับรถจะสังเกตกระจกมองหลังอยู่ตลอด ถ้ารู้มีคนตามประกบคงไม่เลี้ยวจอดเข้าบ้าน กระทั่งวันเกิดเหตุ เมื่อน้องชายตนออกจากที่ไปเล่นพนันมาถึงบ้าน จึงถูกคนร้ายยิง ตนมั่นใจว่าคนก่อเหตุ ต้องมี 5 คน แบ่งซุ่มตามจุด
ตนยืนยันว่า น้องชายไม่เคยมีเรื่องหรือมีปัญหากับใคร เป็นคนดีมาก แต่เมื่อ 4 วันก่อนเกิดเหตุ มีคนสังเกตเห็นว่ามีคนแต่งตัวใส่หมวกมิดชิดปั่นจักรยานมาทำท่าตกปลาหน้าบ้านน้องชาย ทั้งที่ไม่มีปลา เหมือนมาสังเกตการเอาไว้ และเรื่องนี้ตนมั่นใจว่า ไม่เกี่ยวข้อกับบ่อนพนัน แต่คนร้ายมุ่งเอาเงิน ที่มั่นใจว่าเป็นคนใกล้ตัวเพราะคนร้ายที่มาแย่งกระเป๋าเงินไปจากหลานชาย พูดว่า "ไอ้กิ๊ฟมึงจะสู้กับกูหรอ" มันเรียกชื่อ ตนคิดว่าต้องเป็นคนรู้จัก คนใกล้ตัว แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร
นอกจากนี้ สำหรับตนเป็นอิสลาม มีลางบอกเหตุเหมือนกัน เพราะนายมนัสพูดเป็นลางกับลูกว่าให้เก็บผ้าแพรไว้คลุมศพ และเตียงในบ้านก็เอาไว้ให้ศพนอน พูดแบบนี้ 3 วันติด
Advertisement