จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "สังคมออนไลน์" มีการแชร์โพสต์พร้อมระบุว่า ขอความช่วยเหลือให้น้องด้วยนะคะ หลังน้องอั่งเปา ด.ญ.ศศิตา อายุ 3 ขวบ 5 เดือน ถูกคนเลี้ยงที่แม่จ้างเลี้ยงน้องทำร้าย อาการหนัก สมองบวมตาเขียวเลือดออกในสมอง และสะโพกหัก ส่วนคนร้ายถูกจับแล้ว
ล่าสุด วันที่ 30 พ.ย. 63 น.ส.วันวิสา อายุ 24 ปี แม่ของน้องอั่งเปา คนเจ็บ เล่าว่า เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตนเดินทางไปรับน้องสตางค์ อายุ 4 ขวบ 7 เดือน และน้อง อั่งเปา อายุ 3 ปี 5 เดือน จากบ้านเกิดที่ จ.ขอนแก่น เพราะแม่ตนเองเสียชีวิตประกอบกับตนเลิกกับพ่อน้องทั้ง 2 คน จึงนำมาอยู่ที่โรงงาน จ.ปทุมธานี ตนต้องทำงานไม่มีคนเลี้ยง จึงได้ฝากเลี้ยงไว้กับแม่ของเพื่อนที่ชื่อว่า นางปู อายุ 43 ปี ให้ค่าเลี้ยงเดือนละ 6,000 บาท
จากนั้น เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 63 เวลา 06.00 น. เพื่อนที่อยู่คนละที่กับนางปู ได้โทรมาแจ้งตนว่าน้องอั่งเปาไม่สบาย และได้ตกบันได ลื่นห้องน้ำ แต่บอกไม่เป็นอะไรมาก และตนทำงานเข้ากะกลางคืนจึงไปหาน้องไม่ได้ และฝ่ายเพื่อนตนก็ไม่ได้บอกว่าลูกตนอาการหนัก และให้นอนหยอดข้าวหยอดนม ไม่มาบอกตนด้วยว่าลูกเป็นหนัก และยังไม่พาส่งโรงพยาบาล อ้างว่าไม่มีเงิน
จากนั้น เช้าวันรุ่งขึ้น 10 พ.ย. 63 เวลา 07.00 น. ตนถึงกับช็อก เพราะสภาพน้องอั่งเปาไม่ใช่เด็กที่ไม่สบาย แต่นอนแน่นิ่งไม่ตอบสนอง ตาเขียวช้ำ ถามนางปูบอกว่าน้องลื่นล้มเอง และลุกขึ้นมายืนกรี๊ดแล้วช็อกไป ตนยังแปลกใจ แต่ตอนนั้นรีบลาน้องส่งโรงพยาบาลก่อน นางปูไม่ได้พาลูกตนไปหาหมอ และดึงเวลาไว้ตั้ง 1 วัน ยังมาอ้างตนว่าลูกไม้เป็นอะไรมากอีก แต่หมอบอกว่าน้องมีเลือดออกในสมองเยอะ ต้องได้รับการผ่าตัดโดนเร่งด่วน และสะโพกหัก
จากนั้น วันที่ 11 พ.ย. 63 ตนจึงพยายามถามเพื่อนไปว่า ทำไมลูกสาวตนสะโพกหัก แต่เพื่อนตนบอกว่า ตกรถจักรยานยนต์ด้วย ตนก็มองว่าแปลก ถ้าลูกตนตกรถต้องมีรอยถลอก แต่กลีบไม่มี ตนมั่นใจว่าลูกถูกทำร้ายแน่ จนไปร้อนเรียนมูลนิธิปวีณา ให้เข้ามาช่วย ตอนนี้นางปูถูกจับเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ยอมรับ ตำรวจแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัส ทำร้ายร่างกายผู้เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ส่วนลูกตนก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากผ่าตัดอยู่ไอซียู 15 วัน อยู่ห้องธรรมดา 5 วัน รวม 20 วัน ลูกตนรู้สึกตัวแต่กระตุกตลอดเวลา และหมอบอกว่าอาการของน้องถูกทำร้ายร่างกาย ทำให้มีเลือดคลั่งในสมอง และสะโพกหักทั้ง 2 ข้าง ให้ตนทำใจไว้น้องอาจจะไม่รอด เพราะเคสนี้หนักมาก หลังจากผ่านไป 2-3 วัน มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ แขนขาซ้ายกระตุก ส่วนข้างขวาทั้งซีกไม่ขยับ ตาไม่ลืม หมอแจ้งว่าถ้าน้องมีโอกาสรอด แต่จะนอนติดเตียงและเป็นอัมพาต สมองไม่สั่งการไม่รับรู้ ถึงถ้าลืมตาได้ น้องก็จะไม่มองตามคนหรือสิ่งของใด ๆ แม้ตอนนี้น้องยังไม่พ้นขีดอันตราย หมอให้ได้เตรียมทำใจไว้แล้ว โอกาสรอดน้องก็มีไม่มาก
ถ้าน้องมีโอกาสรอดในอนาคต ต้องนอนติดเตียงใส่สายยางให้อาหาร ต้องมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการรักษา หรืออุปกรณ์การแพทย์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งตนต้องออกจากงานเพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด และพ่อของน้องแยกทางกันกับตน ซึ่งตอนนี้รับน้องสตางค์ คนโต ไปเลี้ยง แต่ตนต้องดูแลน้องอั่งเปา ส่วนประเด็นดราม่าสังคมออนไลน์คิดว่าตนทำร้ายลูกหวังเงินบริจาค ยืนยันว่าตนไม่ทางทำกับลูกแน่นอน
นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้องสตางค์ได้ให้การกับนางปวีณาไปว่า วันเกิดเหตุ แม่ปูทำน้อง น้องอั่งเปาเข้าห้องน้ำฉี่ เลอะพื้นห้องน้ำ แม่ปูเลยเอาหัวน้องโขกกำแพงห้องน้ำ และแม่ปูทุ่มน้องลงพื้น ส่วนที่น้องสตางค์ตาเขียว เพราะไปห้ามแม่ปูไม่ให้ทำน้องอั่งเปา จึงถูกทำร้าย
ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปยังตึกที่พักอาศัยและใช้เป็นที่รับเลี้ยงเด็ก พบที่ห้องไม่มีคนอยู่ นางปูถูกจำคุกดำเนินคดีรอขึ้นศาล และคัดค้านการประกันตัว นางไพลิน (นามสมมติ) ผู้ที่พักอยู่ในตึกเดียวกัน เล่าว่า นางปูเป็นคนเสียงดัง อารมณ์ร้อนใจร้อน ตนไม่อยากยุ่ง เพราะนางปูชอบมีปัญหากับคนในตึก นางปูไม่ใช่พี่เลี้ยงอาชีพ เพราะเพิ่งรับเลี้ยงน้องสตางค์และอั่งเปา 2 คนแรก ตนเห็นเลี้ยงมา 4-5 เดือนแล้ว แม่เด็กจะมาหาทุกวันหยุด ตนมักจะได้ยินเสียงเด็กร้องบ้าง
ทั้งนี้ เท่าที่ตนเห็นน้องอั่งเปาจากโพสต์เฟซบุ๊ก คิดว่าน้องถูกทำร้ายแน่นอน เพราะเด็กโตแล้ว ถ้าลื่นห้องน้ำก็คงไม่น่าตาเขียวหัวบวมขนาดนั้น ทั้งนี้ ทราบว่านางปูอยู่ในเรือนจำรอขึ้นศาล และคิดว่าลูกสาวของนางปูที่เป็นเพื่อนแม่น้องอั่งเปาคงจะเข้าข้างแม่ ตนจึงไม่ไว้ใจให้ใครเลี้ยงลูกตนทั้งนั้น เพราะกลัวและข่าวก็ออกเยอะว่ามีพี่เลี้ยงทำร้ายเด็ก ตนจึงลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเอง
Advertisement