จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความและรูปภาพว่า "หนูมีเรื่องมาแจ้งคะ เพื่อนหนูโดน พ่อผัวทุบหัวตาย พ่อผัวเมาแล้วทำร้ายลูกสะใภ้โดยการทุบหัวกับไม้จนหัวบุบ เสียชีวิตคาที่ ตายตั้งแต่วันพฤหัสกลางคืน ประมาณ 3 ทุ่ม ตอนนั้นมีลูกอยู่ด้วยค่ะ ลูกอายุ 5 ขวบ แม่โดนทำร้ายต่อหน้าลูก ตำรวจสอบถามกับเด็ก เด็กบอกว่าปู่ทำแม่ ปู่ตีแม่ แต่ตอนนี้คนทำร้ายได้ออกมาลอยนวลทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่ช่วยเพื่อนหนูหน่อยนะคะ หนูไม่อยากให้เพื่อนหนูต้องมาตายฟรี ๆ"
วันที่ 3 ก.พ. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังวัดจันทร์ ตำบลดอนตรอ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นศาลาตั้งบำเพ็ญกุศล ของนางสาวไอยดา ปะนะรัตน์ หรือ ตั๊ก อายุ 31 ปี ผู้เสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นางกุศล ปะนะรัตน์ อายุ 49 ปี แม่ผู้เสียชีวิต เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ 28 ม.ค. 64 เวลาประมาณ 21.00 น. นายจิราวุธ ธรรมศรี อายุ 23 ปี สามีของลูกสาวโทรมาหาตนเองและบอกว่าลูกสาวรถล้ม ให้รีบมาที่โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ เมื่อไปถึงก็พบว่าลูกสาวอยู่ห้องฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งว่าผู้ป่วยต้องปั๊มหัวใจ ให้รอด้านนอกก่อน ผ่านไปประมาณ 10 นาที แพทย์จึงออกมาแจ้งว่าอาการไม่ดี และจะทำการปั๊มหัวใจต่ออีก 20 นาที เข้าห้องเอ็กซเรย์ และจะส่งต่อไปที่โรงพยาบาลมหาราช ต่อมาพบว่าผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว จึงไม่ได้มีการนำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลมหาราช
แพทย์แจ้งว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่เกี่ยวข้องกับการที่รถจักรยานยนต์ล้ม เพราะแผลมีบริเวณหน้าผาก ไม่มีรอยถลอก หรือรอยล้มใด ๆ บริเวณร่างกาย นำตัวส่งชันสูตรศพที่โรงพยาบาลมหาราช ผลชันสูตรออกมาว่าบริเวณต้นคอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง และศีรษะแตก เลือดคั่งในสมอง สมองบวม ส่งผลให้เสียชีวิต
โดยเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น เวลาประมาณ 17.00 น. ลูกสาวไปรับน้องภูผา อายุ 5 ขวบ ลูกชายกลับจากโรงเรียนไปเที่ยวบ้านของนายจิระ ธรรมศรี อายุ 49 ปี พ่อของสามีลูกสาว มีสามีของลูกสาวทำงานเก็บปาล์มอยู่หลังบ้านกับเพื่อนชื่อมดแดง
จนกระทั่งเวลา 21.00 น. ลูกสาวออกไปรับน้องภูผากลับบ้าน จอดรถจักรยานยนต์หน้าบ้าน ก่อนที่สามีของลูกสาวจะพบว่านอนแน่นิ่ง จึงตะโกนเรียกนายจิราวุธ สามีของลูกสาวให้ออกมาดู ซึ่งขณะนั้นน้องภูผา อายุ 5 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิตก็ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านด้วย
ทั้งนี้ ตนเองก็ไม่ทราบสาเหตุว่าลูกสาวกับนายจิระ เคยทะเลาะหรือมีปากเสียงอะไรกันมาก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะถ้าหากมีปัญหากันมาลูกสาวต้องโทรมาบอก และปรึกษากับตนเองก่อน ที่ผ่านมาลูกสาวไม่เคยบอกอะไรเลย ลูกสาวคบหากับนายจิราวุธได้ 7 ปีแล้ว และมีลูกชาย 1 คน อายุ 5 ขวบ ชื่อน้องภูผา ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกสาวและลูกเขยก็อาศัยอยู่ที่บ้านของพ่อสามี แต่ได้ย้ายออกมาอยู่ที่บ้านของยายสามี ในอำเภอเฉลิมพระเกียรติแล้ว
ก่อนหน้านี้ตนเองเคยเจอกับนายจิระ ผู้ก่อเหตุอยู่บ้าง ทักทายกันตามปกติ เป็นคนพูดจาดี แต่ระยะหลังมาก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน ตนเองมาทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตว่าไม่ได้เกิดจากการที่รถจักรยานยนต์ล้ม เพราะน้องภูผาหลานชายวัย 5 ขวบ บอกว่า "ปู่ทำแม่" และหลานชายก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด บอกว่า "ปู่ใช้ไม้ตีแม่ 3 ครั้ง และแม่ล้มลงไป"
ตนเองอยากให้ผู้ก่อเหตุได้รับโทษ และอยากได้ความยุติธรรม เพราะทราบว่าผู้ก่อเหตุได้รับการประกันตัวออกมาได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 64 แต่ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด และยังไม่ได้มีการติดต่อมารับผิดชอบใด ๆ ซึ่งทางครอบครัวไม่ได้มีการโดนข่มขู่ใด ๆ จากผู้ก่อเหตุ ลูกสาวตนเองเสียชีวิตมา 6 วันแล้ว แต่ฝั่งผู้ก่อเหตุยังไม่มีการติดต่อหรือรับผิดชอบใด ๆ อยากให้มาชดใช้ความเสียหาย เพราะผู้ก่อเหตุทำลูกสาวตนเองเสียชีวิตทั้งคน และต้องได้รับโทษอย่างถึงที่สุด ให้รู้ว่าความเจ็บปวดของพ่อแม่เป็นอย่างไร
นายจิรวุธ ธรรมศรี อายุ 23 ปี สามีผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุ ตนเองโทรศัพท์บอกภรรยาให้มารับลูกชายที่บ้านของพ่อตนเอง เพราะว่ากำลังเก็บปาล์มอยู่บริเวณหลังบ้านกับเพื่อน ตนเองเดินทางมาบ้านพ่อตั้งแต่ช่วงกลางวันแล้ว ก่อนหน้านี้ ตนเอง พ่อ แม่ ภรรยา และลูกก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา พ่อกับแม่ของตนเองทะเลาะกันบ่อยครั้งและเลิกรากัน ตนเองกับภรรยาและลูกจึงย้ายไปอยู่ที่บ้านของยายตนเอง และพ่อก็มีภรรยาใหม่ อาศัยอยู่ที่เกาะสมุย
จนกระทั่งภรรยามารับลูก และคุยโทรศัพท์กับตนเองเป็นครั้งสุดท้ายว่าถึงหน้าบ้านแล้ว ก่อนจะเงียบไป ตนจึงให้เพื่อนไปดูภรรยาหน้าบ้าน และให้เพื่อนนำเสื้อผ้าลูกใต้เบาะรถจักรยานยนต์ไปให้ภรรยาด้วย แต่ได้ยินเสียงเพื่อนเรียกจึงวิ่งมาดูพบว่าภรรยานอนแน่นิ่งไปแล้ว มีอาการศีรษะปูด แผลถลอกที่หน้าผากเล็กน้อย ส่วนพ่อของตนเองก็อยู่เฉย ๆ ไม่ได้พูดอะไร ตนเองจึงรีบนำตัวภรรยาไปส่งที่โรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งตนเองก็เชื่อว่าพ่อเป็นคนทำ เพราะลูกชายบอก แต่ไม่คิดว่าพ่อจะทำอะไรแบบนี้ ที่ผ่านมาพ่อเป็นคนโมโหร้าย โกรธทุบตี ชอบดื่มเหล้าเมา ทุบตีตนเองกับแม่มาตลอด ซึ่งยอมรับว่าโกรธพ่อที่ทำแบบนี้ อยากให้พ่อมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกวันนี้ยังไม่สามารถติดต่อพ่อได้ และไม่เข้าใจว่าพ่อทำไมถึงทำแบบนี้ ตนอยากจะเอาเรื่องพ่อให้ถึงที่สุด
ส่วนปมปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาพ่อกับแม่ตนเองทะเลาะ ตบตีกันบ่อยครั้ง โดยมีภรรยาตนเองเป็นคนห้ามปรามตลอด อาจจะเป็นสาเหตุที่พ่อของตนเองโกรธแค้น และไม่ชอบภรรยาหรือไม่ และคาดว่าพ่อมีอาการมึนเมาด้วย
นางสาวปุ๋ย (นามสมมติ) น้องสาวผู้ก่อเหตุ อายุ 40 ปี เปิดเผยว่า พี่ชายเป็นคนดี รักครอบครัว แต่ด้านความอารมณ์ร้อน ตนเองยังไม่เคยพบ และมีการดื่มสุราเป็นครั้งคราว พี่ชายไม่ได้อยู่ที่นี่เป็นประจำ เพราะเลิกรากับภรรยาเก่าไป และเดินทางมาที่บ้านเป็นบางครั้ง ตนเองก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกับพี่ชายมากนัก พี่ชายก็ทำอาชีพรับงานก่อสร้างเป็นครั้งคราว ตั้งแต่เกิดเหตุ ตนเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายเป็นคนทำเพราะคิดไม่ถึง แต่ความจริงก็คือความจริง ตั้งแต่เกิดเหตุมาตนเองยังไม่ได้เจอพี่ชาย เพียงแต่เจอช่วงทำแผนประกอบคำรับสารภาพเท่านั้น แต่ไม่ได้พูดคุยกัน
นางสาวปุ๋ย เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเองรู้จักกับผู้เสียชีวิต หลานสะใภ้คนนี้ตนเองสนิทสนมกัน เป็นคนดี ขยัน โดยวันที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 17.00 น. ผู้เสียชีวิตยังแวะมาซื้อของตนเองที่บ้าน คุยกันเรื่องลูก ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ช่วงเกิดเหตุตนเองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเข้านอนแล้ว ตนเองยังไม่ได้พูดคุยกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และอยากบอกว่าตนเองเสียใจ อยากให้พี่ชายกลับมารับผิดชอบด้วย
Advertisement