กรณีน้องแป้ง อายุ 9 ปี ถูกนายอนุวัฒน์ ผลจะโปะ หรือ แหบ ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา และฆ่าทิ้งศพไว้ที่ป่าหลังบ้าน ในพื้นที่ หมู่ 7 ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา กระทั่งมีคนมาพบเห็น ซึ่งหลังเกิดเหตุไม่ถึง 24 ชั่วโมง ตำรวจสามารถตามจับกุมตัวนายแหบได้ ก่อนเจ้าตัวจะรับสารภาพว่า ก่อเหตุข่มขืนน้องแป้งจริง และนำร่างไปทิ้งไว้ที่จุดเกิดเหตุ
ล่าสุดวันที่ 13 ก.พ.64 เวลา 09.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรปักธงชัย พนักงานสอบสวนนำตัวนายแหบออกจากห้องขังเพื่อนำไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครราชสีมา โดยนายแหบ มีสีหน้าเรียบเฉย ทีมข่าวพยายามสอบถามว่า อยากขอโทษ หรือบอกอะไรกับครอบครัวคนตายหรือไม่ แต่นายแหบไม่ตอบคำถามใด ๆ กับสื่อมวลชน ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้องหาออกไป
โดยจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (12 ก.พ.64) จนถึงเช้าวันนี้ (13 ก.พ.64) ยังไม่มีญาติเข้ามาเยี่ยมนายแหบ ยกเว้นนางสมจิต ผลจะโปะ ผู้เป็นย่าที่เข้ามาเป็นพยานในการสอบสวนเท่านั้น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหาแก่นายแหบ คือ พรากผู้เยาว์ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย นำพาเด็กไปเพื่อการอนาจาร กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้เขียนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพฤติการณ์ของนายแหบที่เคยก่อเหตุมาหลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เชื่อว่าไม่น่าจะมีญาติมาประกันตัวนายแหบอยู่แล้ว
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสมจิต ผลจะโปะ อายุ 77 ปี ย่าของนายแหบ ผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนไม่ได้ตามหลานไปที่ศาลเพื่อส่งตัวฝากขังวันนี้ เพราะไม่มีรถ เดินทางลำบาก และไม่คิดจะประกันตัวนายแหบ เพราะไม่มีเงิน โดยเมื่อวานนี้ได้พูดคุยกับหลาน และบอกไปแล้วว่า ต้องรับกรรมที่ทำเอาไว้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดครั้งแรก ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็เคยเตือนหลานแล้วว่า อย่าทำแบบนี้อีก เพราะเป็นสิ่งไม่ดี แต่หลานไม่เชื่อฟังก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ก่อนหน้านี้ตนถามหลานว่า ทำไมถึงทำแบบนี้ หลานชายบอกเพียงว่า เป็นอารมณ์ชั่ววูบ โดยตนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้ได้เข้าไปคุยกับพ่อแม่น้องแป้งแล้ว พร้อมกล่าวขอโทษแล้ว อีกฝ่ายไม่ได้โกรธตน เข้าใจว่าเป็นพฤติกรรมของหลานชาย ตนก็อยากให้พ่อของนายแหบ มาขอขมาศพแทนลูกชาย แต่ไม่มั่นใจว่าจะมาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เรื่องโทษตามกฎหมายของนายแหบ ที่ชาวบ้านสาปแช่งให้ประหารชีวิตนั้น ตนก็แล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเข้าใจว่าหลานชายทำผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย
บรรยากาศที่งานศพน้องแป้ง ตั้งแต่ช่วงบ่ายญาติ ๆ มาช่วยกันจัดเตรียมสิ่งของที่ใช้ในพิธี โดยมีนักจิตวิทยา รพ.ปักธงชัย มาพูดคุยสอบถามพ่อแม่น้องแป้ง เพื่อเยียวยาจิตใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นางจอย (นามสมมติ) แม่น้องแป้ง ระบุว่า ตอนนี้ยังสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังจำภาพที่อุ้มลูกสาวหลังเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำ จึงยังทำใจไม่ได้ โดยตนทราบว่าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายแหบ ส่งศาลฝากขังแล้ว ก็อยากให้นายแหบติดคุกไปตลอดชีวิต หรือรับโทษหนักไม่ต้องออกมาได้อีก เพราะทุกคนต่างหวาดผวาว่า นายแหบ จะไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก
ในวันนี้ย่านายแหบได้เข้ามาขอขมาศพแล้ว ตนก็ไม่ถือโทษ เข้าใจว่าคนผิดคือ นายแหบ คนเดียว ไม่เกี่ยวกับญาติ หรือหากพ่อนายแหบ จะเข้ามาขอขมาแทนลูกตนก็ยินดี เพราะตนแค้นแค่นายแหบคนเดียว ไม่เกี่ยวกับคนอื่น
ส่วนกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตนกับสามีไม่ดูแลลูกสาว ทำให้เกิดเหตุดังกล่าว ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจ เพราะตนกับสามีต้องทำงานตั้งแต่เช้าจนค่ำ ปกติลูกสาวจะอยู่กับลุงและเพื่อนบ้าน โดยหากตนไม่ไปทำงานก็ไม่มีเงินมาหาเลี้ยงปากท้อง และส่งลูกไปโรงเรียน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครได้ระวังตัว และไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าว
เวลา 18.00 น. นายวิเชียร ผลจะโปะ อายุ 47 ปี พ่อนายแหบ ผู้ต้องหา เดินทางมาร่วมฟังสวดในงานศพน้องแป้ง หลังจากนั้นได้เข้าไปพูดคุยกับ นายจอน (นามสมมุติ) และนางจอย (นามสมมติ) พ่อและแม่น้องแป้ง นายวิเชียรได้กล่าวขอโทษทั้ง 2 คนแทนลูกชายของตัวเอง พร้อมระบุว่าเสียใจ และเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่ว่าหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดกับลูกสาวของตัวเองจะเป็นอย่างไร วันนี้ตั้งใจจะมาจุดธูปขอขมาน้องแป้ง เพราะเห็นว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน ย่อมเสียใจเป็นธรรมดา
นายวิเชียร เข้าไปจุดธูปไหว้ต่อหน้าศพน้องแป้ง พร้อมกล่าวว่า "ขอโทษน้องแป้ง ไม่คิดว่าลูกชายจะเป็นแบบนี้ ผมขออโหสิกรรมให้แก่กัน"
โดยนายวิเชียร ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนเดินทางมาร่วมไว้อาลัย พร้อมขอขมาน้องแป้งแทนลูกชาย ยอมรับว่าลูกชายผิดพลาดไปแล้ว ไม่สามารถมาแก้ไขให้ดีเหมือนเดิมได้ ซึ่งตนก็ไม่เคยคิดว่าลูกชายจะก่อเหตุขนาดนี้ ทราบแค่ครั้งที่แล้วที่ลูกชายติดคุกเพิ่งออกมา ตนก็เคยสอนเรื่องห้ามลักขโมย แต่ไม่ได้สอนเรื่องการกระทำต่อผู้อื่น เพราะกลัวว่าจะเป็นการไปกระตุ้นลูกชาย ทั้งนี้ช่วงที่ลูกชายอยู่กับตน ก็ไม่เคยมีพฤติกรรมน่าสงสัย
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านสาปแช่งให้ลูกชายตนได้รับโทษหนักให้ประหารชีวิตนั้น ตนเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ตนก็เชื่อว่าลูกชายน่าจะติดคุกตลอดชีวิต เพราะก่อเหตุหลายครั้งแล้ว หลังจากนี้ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมลูกชายที่เรือนจำ แต่ไม่ประกันตัวแน่นอน ปล่อยให้รับกรรม
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสีนวล คนโทฉิมพลี อายุ 52 ปี ภรรยากำนัน ต.ธงชัยเหนือ ซึ่งเปิดร้านค้าในพื้นที่ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือน ด.ช.โบ๊ต อายุ 11 ปี ซึ่งเป็นเด็กในพื้นที่ นั่งกินขนมอยู่ข้างบ้านตน ก่อนที่นายแหบ จะเข้ามาซื้อของ ตนจึงสอบถามทราบว่าเพิ่งออกมาจากคุกและเพิ่งเดินเท้ามาจากบ้านพ่อที่จ.สระบุรี
จากนั้นนายแหบเดินออกจากร้านไป โดยตนนั่งอยู่ในร้านสังเกตในกล้องวงจรปิดเห็นนายแหบกวักมือเรียกน้องโบ๊ต ซึ่งน้องโบ๊ตก็เดินตามออกไปด้วย ทั้งนี้ตนเอะใจ เพราะทราบว่านายแหบ เคยก่อเหตุข่มขืนเด็กชายในหมู่บ้านมา 2 รายก่อนหน้านี้ ตนจึงรีบวิ่งตามไป เห็นนายแหบกำลังจะพาน้องโบ๊ตเข้าป่า ตนจึงตะโกนเรียกชื่อน้องโบ๊ตให้กลับมา ก่อนน้องโบ๊ตจะหันหลังกลับมาหาตน
ส่วนนายแหบ ก็รีบเดินเข้าป่าไป ตนจึงสอบถามน้องโบ๊ตว่าจะไปไหน น้องโบ๊ตตอบว่า นายแหบให้เดินไปเป็นเพื่อน ตนจึงเตือนว่าครั้งหน้าอย่าทำแบบนี้อีก เพราะนายแหบอาจจะทำอันตรายได้ ก่อนพาน้องโบ๊ตกลับไปส่งที่บ้าน ตนมั่นใจว่าหากเรียกน้องโบ๊ตไม่ทัน อีกฝ่ายน่าจะโดนกระทำชำเราอย่างแน่นอน
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านน้องโบ๊ต ได้พูดคุยกับ นายแบงค์ (นามสมมติ) พี่ชายของน้องโบ๊ต เล่าข้อมูลที่น่าตกใจให้ทีมข่าวฟังว่า หลังจากนายแหบก่อเหตุไม่สำเร็จในครั้งแรก เจ้าตัวได้เข้ามาก่อเหตุซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เมื่อช่วงต้นเดือนก.พ.64 ที่ผ่านมา ช่วงเย็นตนเห็นว่าน้องโบ๊ตไม่อยู่บ้าน จึงออกมาตามหาบริเวณลานกีฬาละแวกบ้าน แต่พยายามเรียกแล้วก็ยังไม่พบ จึงนั่งรออยู่ในบริเวณดังกล่าว
หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง น้องโบ๊ตเดินออกมาจากห้องเก็บของในอาคารหอประชุมหมู่บ้าน พร้อมกับนายแหบ โดยสภาพเนื้อตัวน้องชายเปื้อนดิน ที่แก้มมีรอยช้ำคล้ายรอยดูด ตนจึงถามนายแหบว่า ได้ข่มขืนน้องชายตนหรือไม่ แต่นายแหบปฏิเสธ ตนจึงต่อยหน้านายแหบ 1 ครั้ง เพราะไม่เชื่อคำพูด จากนั้นนายแหบได้วิ่งหนีไป
โดยตนถามน้องชายว่านายแหบทำอะไรหรือไม่ แต่น้องก็ไม่ตอบ เพราะน้องโบ๊ต เป็นเด็กที่สมองค่อนข้างช้า อาจจะไม่รู้เรื่อง ตนจึงถอดกางเกงน้องชายออก พบว่าที่ก้นมีน้ำสีขาวขุ่น คิดว่าเป็นน้ำอสุจิของนายแหบ จึงมั่นใจว่านายแหบได้ล่วงเกินน้องชายตนแล้วอย่างแน่นอน แต่หลังเกิดเหตุครอบครัวตนก็ไม่ได้แจ้งความ เพราะคิดว่าน้องชายน่าจะไม่สามารถให้การได้ จึงจบเรื่องไป หลังจากนั้นยังเห็นนายแหบ วนเวียนมาเล่นแถวละแวกบ้าน แต่ตนก็เตือนน้องไม่ให้เข้าใกล้
อย่งไรก็ตาม หลังทราบข่าวว่านายแหบ มาก่อเหตุครั้งล่าสุดกับน้องแป้ง ตนโกรธมาก อยากให้นายแหบรับโทษประหารชีวิต ไม่ควรออกมาใช้ชีวิตได้อีก เพราะกลัวจะก่อเหตุซ้ำไม่จบสิ้น
Advertisement