เมื่อวันที่ 1 ส.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งเหตุมีคนเสียชีวิตบนทางเท้า ปากซอยเจริญกรุง 103 แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม. จึงมีการประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัย มูลนิธิร่วมกตัญญู และแพทย์นิติเวช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูชุดปฏิบัติการพิเศษโควิด-19 เข้าตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 57 ปี ทราบชื่อ “นายสัญญา” พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง สภาพศพนอนอยู่ในลักษณะตะแคงข้าง จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ตามร่างกายไม่พบบาดแผล
โดยข้าง ๆ มีภรรยาและลูกชายคอยเฝ้าศพอยู่ไม่ห่าง ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้ชุดตรวจแอนติเจน ตรวจหาเชื้อในศพ พบว่าชายดังกล่าวมีผลเป็นบวก พบเชื้อโควิด-19 จึงได้ใช้ถุงซิปล็อกห่อศพ 3 ชั้น นำใส่โลงศพ และนำไปฌาปนกิจทันที ที่วัดบรมสถล (วัดดอน)
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านของผู้เสียชีวิต ภายในตรอกสวนหลวง 1 ซอยเจริญกรุง 103 แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กทม. ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางดวงเดือน อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตาย และปัจจุบันก็ต้องกักตัวอยู่ภายในบ้านกับนายกฤษณะ มากศรี อายุ 19 ปี ลูกชาย เนื่องจากเป็นผู้สัมผัสและเสี่ยงติดเชื้อไวรัสสูง โดยเจ้าตัวได้เปิดเผยไทม์ไลน์ของสามีให้ทราบว่า ปกติแล้วสามีมีโรคประจำตัว คือ โรคเบาหวาน ภูมิแพ้ ตาเป็นต้อกระจก และเป็นคนคิดมากเรื่องโควิด-19 อยู่แล้ว
วันที่ 23 ก.ค.64 สามีบ่นว่ารู้สึกปวดหัว เพราะโดนความเย็นจากแอร์ในที่ทำงาน เริ่มมีอาการปวดหลัง เนื่องจากกระดูกทับเส้นจากการออกกำลังกายหนักในวันเดียวกัน จึงให้ครอบครัวตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ ATK ด้วยตัวเองที่บ้าน พบว่าผลทั้ง 3 คนเป็นลบไม่พบเชื้อโควิด-19
วันที่ 24-26 ก.ค.64 สามียังคงปวดหลังเช่นเดิม
วันที่ 27 ก.ค.64 สามีและครอบครัวตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ ATK ด้วยตัวเองที่บ้าน ผลทั้ง 3 คนเป็นลบไม่พบเชื้อโควิด-19
วันที่ 30 ก.ค.64 สามีเริ่มมีอาการกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง เดินลำบาก จึงต้มน้ำร้อนกับเกลือเพื่อเอามาประคบเท้า สามีก็ปวดขาน้อยลง จึงให้ทุกคนในบ้านกินยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ยาฆ่าเชื้อ และยาลดไข้นอนอยู่บ้าน
วันที่ 31 ก.ค.64 ในเวลากลางคืนสามีเริ่มกินข้าวไม่ได้ และมีอาการปัสสาวะบ่อย พยายามให้กินข้าวต้ม เพื่อที่จะได้กินยาฟ้าทะลายโจร ยาฆ่าเชื้อ และยาดลดไข้ หลังจากนั้นสามีก็อาการดีขึ้น ไม่ปวดหลังแล้ว
วันที่ 1 ส.ค.64 เวลา 08.00 น. สามีบ่นอยากเข้าห้องน้ำ จึงให้ลูกพาไป เพราะเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ เวลาต่อมา 08.40 น. บริษัทที่สามีทำงาน โทรศัพท์เข้ามาบอกว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในบริษัทแล้ว จึงแจ้งให้สามีไปตรวจหาเชื้อโควิด-19
เวลา 09.00 น. ทั้ง 3 คนเตรียมออกจากบ้านไปหาที่ตรวจ โดยให้สามีนั่งวิวแชร์
เวลา 09.30 น. ทั้ง 3 คนขึ้นแท็กซี่ หน้าหน้าปากซอยเจริญกรุง 103 ทันใดนั้นสามีก็เริ่มมีอาการตัวเกร็ง หายไม่ค่อยออก เพราะน้ำตาลในเลือดลด
เวลา 09.50 น. เดินทางไปถึง รพ.เจริญกรุง แต่ก็ไม่ตรวจให้แจ้งว่าเตียงเต็ม
เวลา 10.30 น. เดินทางไป รพ.ทหารเรือ แต่ก็ยังไม่ได้รับการตรวจแจ้งว่าเตียงเต็ม
เวลา 11.40 น. ทั้ง 3 คนก็ขึ้นรถแท็กซี่ เพื่อที่จะเดินทางกลับบ้าน ซึ่งตอนนั้นสามีเริ่มมีอาการเหม่อลอย ลูกชายที่นั่งอยู่เบาะหลังก็พยายามเรียกให้ตื่นอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่ลูกชายจะเอามือไปจับที่จมูก แล้วบอกว่า “พ่อไม่หายใจแล้ว”
เวลา 11.00 น. สามีหมดสติโดยไม่รู้สาเหตุ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีอาการบ่งชี้ว่าจะติดเชื้อโควิด-19 พยายามบนบานศาลกล่าวให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบอกแท็กซี่ว่าให้ไปจอดที่ สน.วัดพระยาไกร แต่แท็กซี่บอกว่าไม่มีใครช่วยได้
เวลา 15.00 น. มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจช่วยเหลือ ตรวจหาเชื้อพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ก่อนที่จะนำร่างไปชันสูตร ก็พบว่าติดเชื้อจริง ๆ จึงต้องเผาศพในทันที
นางดวงเดือน กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนสงสารลูกชายมาก ๆ เพราะพ่อต้องมาเสียชีวิตคามือของเขาไปต่อหน้าต่อตา และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ตก็สับวนไปหมดไม่คิดว่าเรื่องราวจากข่าวในทีวี จะเกิดขึ้นกับครอบครัวตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ครอบครัวก็ทำบุญ ทำความดีมาโดยตลอด และในขณะเดียวกันตนต้องเฝ้าศพสามีรอนานถึง 3-4 ชั่วโมง ซึ่งก็ขอให้เป็นอุทาหรณ์กับหลาย ๆ คน รัฐบาลจะได้รู้ว่าปัจจุบันบ้านเมืองเรามาถึงจุดนี้แล้ว
ทีมข่าวได้ย้อนกลับไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ตรงบริเวณฟุตพาท หน้าปากซอยเจริญกรุง 103 พบว่าเหลือเพียงแค่กรวยส้มตั้งอยู่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายร่างของผู้ป่วยโควิด-19 ไปประกอบพิธีฌาปนกิจศพเรียบร้อยแล้ว
นางอุไร ภักดีวิชัย หรือ “มะเด๊ะ” อายุ 70 ปี แม่ค้าขายซุปเนื้อและเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ขณะนั้นตนกำลังเข็นรถขายของมาตั้งที่จุดขายประจำ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร ก็เห็นว่ามีคนนำผ้าสีเขียวมาคลุมศพไว้แล้ว พร้อมกับมีภรรยาและลูกชายนั่งอยู่ข้าง ๆ และมีการกั้นบริเวณไม่ให้คนเข้าไป โดยก่อนหน้านี้ตนก็เคยเห็นข่าวที่ว่าคนติดโควิด-19 แล้วนอนตายริมถนน แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ตนเจอกับตัวเองและเห็นกับตา ตนยอมรับเลยว่าห่อเหี่ยวใจมาก ๆ หวาดกลัวและเสียใจ
หลังจากนี้ ก็คงต้องเพิ่มมาตรการในการใช้ชีวิต หรือขายของมากขึ้น จะรับจะถอนเงินก็ต้องฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ ใส่หน้ากากอนามัย กินสมุนไพร อย่างเช่น น้ำกระชาย น้ำขิง น้ำมะนาว ฟ้าทะลายโจร ทั้งนี้ ตนก็อยากวิงวอนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเตียง วัคซีน เพราะขณะนี้มีหลายคนที่ติดเชื้อโควิด-19 และยังไม่ได้เตียง หรืออย่างน้อยก็แจกจ่ายยาสมุนไพรตามบ้านก็ยังดี รวมถึงอีกหลายคนที่รอคอยวัคซีนด้วย
Advertisement