เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 64 เวลา 19.00 น. ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุ สภ.หล่มสัก และ พ.ต.ท.ประภาส บุญสิงห์ พนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่สารวัตรเวร สภ.หล่มสัก ได้รับแจ้งว่ามีเหตุ นางสาวภรณ์ทิพย์ กองแก้ว อายุ 33 ปี ถูกฆ่าปาดคอ โดยนายวิษรุตติ์ บุดดา อายุ 36 ปี สามี ซึ่งปาดคอตัวเองตาม อาการสาหัส
เหตุเกิดบนในชั้น 2 ของบ้านในหมู่ 9 บ้านน้ำก้อไทย ต.น้ำก้อ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ร่วมกตัญญูหล่มสัก จึงได้ให้การช่วยเหลือ นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลหล่มสักเป็นการด่วน
เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบมีดปอกผลไม้ขนาด 20 เซนติเมตรตกอยู่ และไม่พบร่องรอยการต่อสู้ขัดขืน จากสอบสวนบ้านหลังดังกล่าว อาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 คน ได้แก่ สามี ภรรยา ลูกสาว 2 คน อายุ 12 ปี และ 10 ปี และยายชราวัย 84 ปี
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขณะนี้อาการของผู้ก่อเหตุยัง 50/50 ยังคงรับการรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู และยังไม่สามารถให้การได้ แพทย์แจ้งว่าหากนำเครื่องช่วยหายใจออก ผู้ก่อเหตุก็จะเสียชีวิต เนื่องจากบาดแผลบริเวณลำคอค่อนข้างลึก และตัดหลอดเลือดใหญ่
วันที่ 22 ก.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้างหลังเกิดเหตุ พบว่าทางครอบครัวผู้ตายได้เตรียมจัดงานศพให้ผู้ตาย โดยจะตั้งศพสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 3 วัน นางสมคิด พรมแสง อายุ 52 ปี แม่ผู้ตาย บอกว่า เมื่อวานหลานสาวได้โทรศัพท์ให้ตนเดินทางมาที่บ้าน เนื่องจากห้องนอนของผู้ตายและผู้ก่อเหตุล็อก ไม่สามารถเปิดได้ เมื่อได้พังประตูเข้าไปแล้ว ตนถึงกับช็อกกับภาพที่เห็น ผู้ตายนอนจมกองเลือด ผู้ก่อเหตุนอนคง่ำหน้าทับร่างผู้ตายจมกองเลือด ตนยังคงคิดไม่ตก เพราะทั้งคู่ไม่มีปัญหาอะไรกัน
ผู้ตายและผู้ก่อเหตุคบหาแต่งงานกันมา 15 ปีแล้ว ไม่เคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวหรือมือที่สาม ไม่มีปัญหารายได้ ผู้ก่อเหตุมีที่นา ลูก ๆ ก็กำลังโต ปัญหาหึงหวงก็ไม่ใช่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้ตายไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง เคยบ่นแค่ว่าปวดหัว เนื่องจากผู้ตายมีโรคไมเกรนเป็นโรคประจำตัว สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่ถือโทษโกรธใคร ตนขออโหสิกรรมให้ผู้ก่อเหตุ ขณะนี้ในหัวของตนโล่งไปหมด เพราะตนไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุทำไปเพื่ออะไร ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุเป็นคนดี ทุกวันจะพาลูกสาวตนไปกราบตน ส่งเงินให้ใช้ อยากกินอะไรก็นำอาหารมาให้ วันใดตนบอกว่าข้าวหมด ผู้ก่อเหตุก็จะนำข้าวไปให้ถึงบ้านทันที
ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ตนพาหลานสาวทั้ง 2 คนไปอยู่ด้วย ซึ่งวันนี้จะพาหลานสาวมาร่วมงานศพและนอนเฝ้าศพผู้ตาย ยอมรับว่าสภาพจิตใจของหลานสาวไม่สู้ดีนัก โดยจากนี้ ต้องตกลงกับผู้ใหญ่ฝั่งผู้ก่อเหตุว่าจะดูแลหลานสาวอย่างไรต่อไป แต่ตนไม่เห็นด้วยหากจะปล่อยให้หลานสาวอยู่กับทวดตามลำพัง เพราะจะดูแลกันลำบาก สุดท้ายตนขอให้ผู้ตายไปสู่ภพภูมิที่ดี "ไม่ต้องห่วงลูกทั้ง 2 คน แม่จะดูแลให้ อย่าอาฆาตแค้นใคร ไม่ต้องห่วงอะไรเลย"
ด้านนายใสศรี บุดดา อายุ 59 ปี พ่อผู้ของก่อเหตุ เผยว่า อตอนนี้าการของผู้ก่อเหตุไม่สู้ดีนัก อาจจะพิการได้ ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุกับผู้ตายรักกันดี เมื่อวานนี้ตนทราบมาว่าทั้งคู่ขอตัวขึ้นไปนอนพัก ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุขึ้น ซึ่งหลานสาวซึ่งพักอยู่บนชั้น 2 ได้ยินเสียง "โอ๊ย" ของผู้ตาย 1 ครั้ง แต่ไม่มีใครเอะใจ กระทั่งรู้ในช่วงหัวค่ำว่าถูกปาดคอเสียชีวิต
โดยเมื่อประมาณ 4 เดือนก่อน ผู้ก่อเหตุฝันว่าคุณตามาหา ตาตายไป 10 ปีแล้ว และขอให้ทำบุญผ้าป่าให้ ซึ่งเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน ขณะที่ผู้ก่อเหตุไปตลาดกับภรรยาของตน ผู้ก่อเหตุมีอาการซึม ๆ ไม่พูดจา ตอบสนองช้า ไปหาแพทย์ แพทย์บอกไม่เป็นอะไร บอกว่าอาจจะเหนื่อยเพลีย ตนจึงได้นำดวงผู้ก่อเหตุไปดูหมอ หมอดูบอกว่าคุณตาของผู้ก่อเหตุมาเตือน อยากให้ผู้ก่อเหตุรวมกองผ้าป่าให้เพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์ โดยเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา เพิ่งทำบุญรวบรวมผ่าป่าไป 3,000 กว่าบาท เมื่อย้อนนึกดู ตนจึงคิดว่าผู้ก่อเหตุอาจจะถึงคราวซวย คุณตาจึงมาบอกให้ทำบุญ ตนไม่แน่ใจว่าผู้ก่อเหตุด้วยสาเหตุอะไร หรือป่วยจิตหรือไม่ เพราะผู้ก่อเหตุไม่เสพยาเสพติด เลิกสุราและบุหรี่มานานกว่า 1 ปี อีกทั้งยังแข็งแรง ไม่มีความเครียด ไม่เล่นของ ไม่ชอบมนตร์ดำ
ตนได้ไปเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่โรงพยาบาลแล้ว ขณะนี้ยังคงอยู่ในห้องไอซียู ยังคงไม่ได้สติ ซึ่งแพทย์แจ้งว่าผู้ก่อเหตุอาการ 50/50 มีโอกาสสูงที่อาจจะกลายเป็นคนพิการ หรืออัมพฤกษ์ อัมพาต เนื่องจากแผลบริเวณลำคอค่อนข้างลึก และตัดเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ที่ต่อตรงไปยังสมอง ส่วนการประกันตัวและคดีทางครอบครัวยังไม่ได้คิด ขอให้ผ่านพ้นงานศพไปก่อน ตนสงสารหลานที่สุด เพราะรับรู้ว่าแม่ตาย และพ่อเป็นคนทำ
นางวน กำมา อายุ 84 ปี ยายของผู้ก่อเหตุ ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุร่วมกับผู้ก่อเหตุ ผู้ตาย และลูกสาวทั้งสองของทั้งคู่ เล่าว่า ตนมาอาศัยอยู่กับผู้ก่อเหตุได้ประมาณ 4 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งคู่รักกันดี และไม่เคยทะเลาะกัน โดยเมื่อ 4 เดือนก่อน สามีตนที่เสียชีวิตไปแล้ว 10 ปี ได้มาเข้าฝันผู้ก่อเหตุเพื่อขอผ้าป่า อีกทั้งล่าสุดพ่อของผู้ก่อเหตุยังได้นำดวงผู้ก่อเหตุไปดูหมอดู และทำผ้าป่าให้สามีของตน ตนจึงมีความคิดเล็ก ๆ ว่าสามีของตนน่าจะมาเตือนผู้ก่อเหตุว่าให้ทำบุญ เพราะจะมีเคราะห์
เมื่อวานนี้ก่อนเกิดเหตุฝนตก ทั้งคู่ได้นั่งคุยและกินส้มโออยู่กับตนที่ใต้ถุนบ้าน จากนั้นในเวลาประมาณ 14.00 น. ผู้ตายได้ขอตัวขึ้นไปนอนในห้องนอน สักพักผู้ก่อเหตุก็ได้เดินไปจิบน้ำ เข้าห้องน้ำ และตามขึ้นไปพักผ่อนเช่นกัน กระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. แม่ของผู้ก่อเหตุโทรมาบอกตนเพื่อขอให้ข่วยบอกผู้ก่อเหตุให้ออกไปซื้อผักให้ ตนจึงเรียกทั้งคู่ให้ลงมาหา แต่เรียกเท่าไรทั้งคู่ก็ไม่ตอบ เมื่อให้เหลนไปตาม แต่ปรากฏว่าประตูล็อก เหลนจึงได้โทรศัพท์ไปหายาย พอพังประตูจึงพบว่าเกิดเหตุร้ายขึ้น
ทั้งนี้ ตนทราบภายหลังว่ามีดที่ใช้ก่อเหตุคือมีดของตน ปกติตนจะมีมีดปอกผลไม้ในตะกร้า 2 เล่ม คาดว่าขณะที่กำลังนั่งกินส้มโอ ผู้ก่อเหตุได้แอบหยิบมีดในตะกร้าของตนไป 1 เล่ม เพื่อใช้ก่อเหตุ ตนรู้สึกเสียใจและสงสารเหลนที่สูญเสียแม่ ส่วนพ่อก็สาหัส ซึ่งตนไม่ทราบสาเหตุของการก่อเหตุ จากนี้ไม่รู้ทางครอบครัวจะตกลงกันอย่างไรเกี่ยวกับการดูแลเหลน แต่ใจตนก็อยากจะอยู่กับเหลนต่อ
Advertisement