ต่าย สายธาร ได้ดูแม่ร่ำไห้และก่อนหน้าที่มีพิธีกรรมการสวดฯนั้นต่ายสายธารก็จะทำการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กของตนเองด้วยเพื่อให้เพื่อฝูงและญาติที่ไม่ได้มาร่วมงานได้เห็น
หลังจากนั้นได้เคลื่อนศพไปยังสุสานช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ โดยมีญาติพี่น้อง เพื่อนรวมทั้งเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิร่วมกตัญญู มาร่วมช่วยงานศพกัน แจกของที่ระลึกงานศพเป็นตลับพ่นแอลกอฮอล์แบบพกพา
ที่สุสานช้างคลาน ทางต่ายสายธาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู ได้นำศพแม่ต่าย ฯ ขึ้นไปยังบนเมรุ และเปิดให้ลูกๆของแม่ทองสุข ได้มาช่วยกันพลักโลงศพและร่ำลาแม่เป็นครั้งสุดท้ายเข้าสู่เตาเผาไฟฟ้า
โดยสามพี่น้อง ได้เอามือไปพลักโลงศพแม่ และพูดว่า “แม่ไม่ต้องห่วง ลูกทั้งสามเอาตัวรอด มีงานทำกันแล้ว แม่ไปเถอะแม่ ไม่ต้องห่วง “และทั้งสามก็ร้องไห้ เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19การทำพิธีจึงต้องกระชับและเว้นระยะห่าง และมาถึงสุสานก็ขึ้นสู่เตาเผาไฟฟ้าทันที
ต่าย สายธาร อดีตนักแสดงและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เปิดเผยว่า แม่หลับสบายแล้วไม่ทุกข์ทรมานแล้ว ตนขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานและส่งพวงหรีดมาด้วย
เมื่อคืนตนได้ไปนั่งข้างหลังโลงศพแม่ที่ศาลาวัด เกิดไฟดับ ตนรู้สึกเลยว่า แม่ยังเป็นห่วงลูก ๆ อยู่ ตนได้อธิษฐานจิตถึงแม้ บอกแม่ไม่ต้องห่วง ลูกของแม่ทุกคนมีงานทำแล้วมั่นคง ขอให้แม่สบายใจ สักครู่ไฟก็มา ทางตนนั้นมีพี่น้องร่วมก้น 3 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด ตนเป็นคนสุดท้อง และไม่ได้เจอหน้ากันเลย
กระทั่งแม่มาจากไปก็ได้พบหน้ากันอีกครั้ง ดีใจ พวกพี่ ๆ มีงานทำมั่นคงกันแล้ว พวกเราต่างคนต่างแยกกันไปประกอบอาชีพ ต้องสู้ชีวิตกันทุกคน ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย จนกระทั่งมาเจอกันอีกครั้งก็งานศพแม่นี่แหละ พี่สาวตนคนหนึ่งสุขภาพก็มีโรคประจำตัวเหมือนกับตน สำหรับกระดูกแม่นั้นลงมติจะเก็บกระดูกแม่ไว้ และจะทำบุญครบ 100 วันให้แม่อีกครั้ง ต่อไป
ต่าย สายธาร ได้เปิดเผยอีกว่า เมื่อก่อนตนกับแม่ได้ร่วมกันต่อสู้กับอุปสรรค์ต่างๆนานา จากสังคมเราสองแม่ลูกก็ต่อสู้กันมาโดยตลอด ไม่ยอมแพ้ จนสามารถยืนหยัดในสังคมทุกวันนี้ แม่ก็จากไปแล้วแม่พ้นทุกข์ความทรมานแล้ว
สำหรับตนก็จะต้องดำเนินชีวิตต่อไป ก็คงทำงานที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เพราะตนรักในวิชาชีพนี้ และจะมีขายของออนไลน์ในเฟสบุ๊คของตนบ้างเป็นส่วนประกอบ ตนจะสู้ชีวิตต่อไป และจะเข้มแข็งให้เหมือนแม่
Advertisement