วันที่ 25 ก.ย. 64 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ จ.สุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย หัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่วัดบ้านซ่าน อ.ศรีสำโรง เพื่อเตรียมความพร้อมและวางกำหนดการในการต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะมาตรวจติดตามสถานการ์น้ำท่วม และให้กำลังใจประชาชนในวันที่ 26 ก.ย. 64
โดยกำหนดการนั้น ในช่วงเช้านายกฯ จะลงพื้นที่วัดบ้านซ่าน เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านมอบถุงธารน้ำใจ และมอบปัจจัยทางการเกษตร หญ้าแห้งพระราชทาน อาหารผสม TMR และถุงยังชีพ หลังจากนั้นจะนั่งรถสำรวจพื้นที่ความเสียหาย และเดินทางกลับในช่วงบ่าย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมต้อนรับนายกฯ และคณะขณะนี้เราเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว โดยตนได้ตระเวนสำรวจความเสียหายไว้หลายพื้นที่ พื้นที่ที่น้ำไม่ท่วมเราจะใช้เป็นที่บรรยายรายงานสรุปภาพรวม ซึ่งเครื่องบินที่นายกฯ เดินทางมาน่าจะเห็นถึงพื้นที่น้ำท่วม และอาจจะบินสำรวจดู เพราะการดูจากทางอากาศน่าจะเห็นได้ชัดเจนและง่ายกว่า ส่วนเส้นทางรถยนต์ คงจะดูในพื้นที่ใกล้ ๆ แอ่งกระทะ ให้นายกฯได้เห็นภาพ และจะมีจินตนาการในการแก้ปัญหาต่างๆได้
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า น้ำท่วมสุโขทัยในปีนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ที่แม่น้ำยมจะไหลลงมาจากทาง จ.แพร่ ท่วมไม่นานจะลด แต่คราวนี้เป็นน้ำป่าที่ไหลมาจากทางตะวันตก และตะวันตกเฉียงเหนือ ประกอบกับฝนที่ตกลงมาและมวลน้ำจากทางเหนือ ทำให้เกิดน้ำท่วมเสียหายในหลายพื้นที่ เช่น อ.เมือง อ.ศรีสำโรง ที่เป็นพื้นที่ท้องกระทะรับน้ำจากทุกด้าน โดย 3 วันก่อนได้มีการสำรวจความเสียหายพื้นที่การเกษตรกรรมเสียหายประมาณ 140,000 ไร่ ขณะนี้เพิ่มขึ้นอีกมาก ค่าเสียหายยังไม่แน่ชัด รวมทั้งความเสียหายจากบ้านเรือนประชาชน คงต้องรอการตรวจเช็กให้แน่นอน เพื่อจะได้ให้การช่วยเหลือเยียวยาต่อไป
เมื่อถามว่าการมาลงพื้นที่ จ.สุโขทัย ของนายกฯ หลายคนยังมองเรื่องการวัดพลังในพรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จ.สุโขทัย ไม่ใช่พื้นที่วัดพลังอะไร เพราะมีความเสียหายจากน้ำท่วมจริง ๆ การที่นายกฯ ลงพื้นที่มาเพื่อช่วยเหลือประชาชน และเป็นขวัญกำลังใจให้ชาวภาคเหนือตอนล่าง และท่านนายกฯ เองก็ตั้งใจจะไปอีกหลายจังหวัด ส่วน ส.ส.ที่จะมาร่วมงานก็เป็น ส.ส.ในพื้นที่ใกล้เคียง ที่มาช่วยดูแลประชาชนและเรียนรู้การวางแผนงานต่าง ๆ มีอดีต ส.ส. ท่านหนึ่งเคยพูดเอาไว้เสมอว่า การเมืองแบบสุภาพบุรุษจะไม่ตกปลาในอ่าง ซึ่งตนก็ไม่นิยมตกปลาในอ่าง หรือเขียนวัวให้เสือกลัว เพราะถ้าเสือไม่กลัววัวก็ตายหมดฝูง ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะแสดงพลังที่ จ.สุโขทัย ซึ่งตนขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ห่วงใยประชาชนที่เดือดร้อน
เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวว่าต้องขี่หลังหนีน้ำท่วม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร ที่บ้านของตนมีน้ำท่วมที่หน้าบ้าน ตอนเช้าเดินลุยน้ำมาขึ้นรถแล้วเป็นตะคริว ผู้ติดตามเลยมาช่วยพยุงเท่านั้นเอง ไม่มีอะไร
ด้าน ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ที่น้ำท่วมขนาดนี้ มาจากฝนล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับแม่น้ำยม ซึ่งน้ำท่วมสุโขทัยทุกปี มาจากแม่น้ำยม เพราะฝนตกหนักแล้วหยุด แล้วตกซ้ำในพื้นที่ 3 รอบ แล้วน้ำเริ่มทะลักเข้า ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย กลางดึกเมื่อคืน แล้วระบายออกไม่ได้ เพราะคลองระบายน้ำสายต่าง ๆ น้ำเอ่อล่นขึ้นมาหนุนเหมือนกัน
ตนยอมรับว่า ไม่ทันตั้งตัว เพราะที่บ้านเป็นบ้านเก่า อยู่มาแต่เดิม ส่วนถนนหนทาง หรือ ชุมชนรอบ ๆ ถูกยกสูงขึ้น เลยทำให้บ้านตนเป็นแอ่งกระทะ ตอนนี้น้ำสูงประมาณเกือบ 1 เมตร ท่วมถึงเอว แล้วเข้าในตัวบ้านด้วย รถก็ถูกน้ำท่วมไปเกือบครึ่งคัน ส่วน จยย. เกือบมิด คิดว่าถ้าไม่มีพายุฝนลงมาเติมไม่เกิน 1 สัปดาห์น้ำน่าจะลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ถ้ามีฝนลงมาเติมก็คงอ่วมอีก
นอกจากในตัว อ.เมืองแล้ว ตอนนี้ในพื้นที่ อ.ศรีสำโรง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไร่นา พื้นที่ทำการเกษตรก็ถูกน้ำท่วมพืชผลทางการเกษตรเสียหายเช่นกัน ตัวเองลงพื้นที่ไปช่วยชาวบ้าน แล้วประสานเรื่องการจ่ายเงินชดเชยนาข้าว ไร่ละ 1,340 บาท พืชไร่และพืชผัก ไร่ละ 1,980 บาท ไม้ผลไม้ยืนต้น และอื่น ๆ ไร่ละ 4,048 บาท ก็ไม่คิดว่าพอกลับมาบ้านจะถูกน้ำท่วมเสียเอง
ขณะที่มวลนำเหล่านี้ได้ไหลลงมาถึง ต.เมืองเก่า ต.บ้านกล้วย ต.ธานี ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ฝั่งตะวันตกหรือฝั่งขวาของแม่น้ำยม ทำให้ต้องปิดการจารจร บริเวณถนนสายเลี่ยงเมือง ตั่งแต่บริเวณสะพานบางแก้ว ถึงสี่แยกคลองโพ มีระดับน้ำท่วมสูง 30-60 ซม. รถไม่สามรถผ่านได้ และถนนจรดวิถีถ่องช่วงสี่แยกคลองโพ ถึงโรงพยาบาลสุโขทัย มีน้ำท่วมสูง 20- 70 ซม. รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ต้องใช้วิธีเดินลุยน้ ำและอาศัยเรือในการเดินทางอยู่ในขณะนี้
ชาวบ้าน ม.1 ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ยังคงเร่งขนกระสอบทรายและย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ได้เจอแบบนี้ในรอบ 10 ปีแล้ว อยากให้ช่วยทำทางระบายน้ำลงแม่น้ำยมที่กว้างขึ้น เพราะบางแห่งก็ไม่มีทางระบายน้ำลงแม่ยม น้ำไม่สามารถระบายได้ ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำ